ไขทุกข้อสงสัย K-ETA เตรียมตัวเที่ยวเกาหลีแบบมั่นใจ
หลายคนที่วางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศเกาหลีใต้ คงเคยได้ยินคำว่า K-ETA กันมาบ้าง แต่ก็ยังมีคำถามมากมายว่าจริงๆ แล้ว K-ETA คืออะไรกันแน่? สมัครอย่างไร? และคำถามที่สำคัญที่สุดสำหรับหลายๆ คนคือ **จำเป็นต้องแปลเอกสารหรือไม่?** บทความนี้จาก NYC Translation ผู้เชี่ยวชาญด้านเอกสารและการเดินทาง จะสรุปทุกประเด็นให้คุณเข้าใจง่ายๆ ในที่เดียว
K-ETA คืออะไรกันแน่? (What exactly is K-ETA?)
K-ETA ย่อมาจาก Korea Electronic Travel Authorization คือ ระบบการลงทะเบียนออนไลน์เพื่อขออนุญาตเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ล่วงหน้าสำหรับพลเมืองจากประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า (Visa-Waiver) ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย พูดง่ายๆ คือ K-ETA ไม่ใช่วีซ่า แต่เป็น "ใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ" ที่ต้องขอก่อนซื้อตั๋วเครื่องบินและเดินทางจริง
The Korea Electronic Travel Authorization (K-ETA) is an online registration system for visa-waiver countries, including Thailand. It is not a visa, but a mandatory pre-travel authorization.
ใครบ้างที่ต้องสมัคร K-ETA? (Who needs to apply for K-ETA?)
- นักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้าเกาหลีใต้เพื่อการท่องเที่ยว เยี่ยมญาติ หรือร่วมกิจกรรมระยะสั้น
- ผู้ที่เดินทางเพื่อธุรกิจ เช่น ประชุม หรือเจรจาการค้า (ที่ไม่ใช่การทำงาน)
- พลเมืองจากประเทศที่อยู่ในรายชื่อยกเว้นวีซ่า (ตรวจสอบรายชื่อประเทศล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ทางการของ K-ETA)
ขั้นตอนการสมัคร K-ETA แบบละเอียด (Step-by-step Application)
- เข้าสู่เว็บไซต์ทางการ: สมัครผ่านเว็บไซต์ www.k-eta.go.kr หรือแอปพลิเคชัน K-ETA เท่านั้น
- กรอกข้อมูล: กรอกข้อมูลส่วนตัวตามหนังสือเดินทาง (Passport), ข้อมูลการเดินทาง, ที่พักในเกาหลี, และวัตถุประสงค์การเดินทาง
- อัปโหลดรูปถ่าย: เตรียมไฟล์รูปถ่ายหน้าตรงพื้นหลังขาว ตามขนาดที่กำหนด
- ชำระค่าธรรมเนียม: ชำระเงินประมาณ 10,000 วอน (KRW) ผ่านบัตรเครดิตหรือเดบิต
- รอผลการอนุมัติ: โดยทั่วไปจะใช้เวลาพิจารณาตั้งแต่ 24 ชั่วโมง ถึงหลายวัน ผลจะถูกส่งมาทางอีเมล
คำถามสำคัญ: สมัคร K-ETA ต้อง "แปลเอกสาร" หรือไม่?
นี่คือประเด็นที่หลายคนสับสนที่สุด ขอตอบให้ชัดเจนว่า: **สำหรับการสมัคร K-ETA โดยตรงนั้น "ไม่จำเป็น" ต้องแปลเอกสารใดๆ เป็นภาษาเกาหลีหรือภาษาอังกฤษครับ**
ระบบ K-ETA ถูกออกแบบมาให้กรอกข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษตามหน้าหนังสือเดินทางและข้อมูลส่วนตัวของคุณได้เลย เอกสารที่ใช้มีเพียง
- หนังสือเดินทาง (Passport) ที่ยังไม่หมดอายุ
- รูปถ่ายหน้าตรง
- ข้อมูลการเดินทางและที่พัก (กรอกเป็นภาษาอังกฤษ)
แล้วเมื่อไหร่ถึงจะต้องแปลเอกสาร?
การแปลเอกสารจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในกรณีต่อไปนี้:
- กรณี K-ETA ไม่ผ่าน และต้องยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวแทน: หากคุณถูกปฏิเสธ K-ETA การจะเดินทางเข้าเกาหลีได้นั้นต้องยื่นขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว (C-3-9) ซึ่งขั้นตอนนี้อาจต้องใช้เอกสารประกอบเพิ่มเติม เช่น หนังสือรับรองการทำงาน, Bank Statement, หรือเอกสารแสดงความสัมพันธ์ ซึ่งเอกสารเหล่านี้ ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษหรือเกาหลี และควรได้รับการรับรองเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
- กรณีเดินทางเพื่อวัตถุประสงค์อื่น: หากคุณต้องการเดินทางไปเรียน, ทำงาน, หรือแต่งงาน คุณจะต้องยื่นขอวีซ่าประเภทอื่นที่ไม่ใช่ K-ETA ซึ่งต้องใช้เอกสารแปลจำนวนมาก เช่น ทะเบียนบ้าน, สูติบัตร, ทะเบียนสมรส, ใบรับรองผลการศึกษา เป็นต้น
ดังนั้น หากคุณต้องการความช่วยเหลือในกรณีที่ K-ETA ไม่ผ่านและต้องยื่นวีซ่า หรือต้องการยื่นวีซ่าประเภทอื่นๆ บริการแปลเอกสาร (ไทย-เกาหลี, เกาหลี-ไทย) ของ NYC Translation พร้อมให้บริการด้วยทีมงานมืออาชีพ เพื่อให้เอกสารของคุณถูกต้องและน่าเชื่อถือที่สุด













