บริษัท NYC Visa&Translation Service Company Limited 0832494999
บริษัท เอ็น วาย ซี วีซ่า เซอร์วิส จำกัด (NYC Visa Service Co., Ltd.) และ 
​บริษัท เอ็น วาย ซี ทรานสเลชั่น จำกัด (NYC Translation Co., Ltd.)                         
รับ
ยื่นวีซ่า   190   ประเทศทั่วโลก    บริการแปลเอกสาร   300   ภาษาทั่วโลก 
รับรองเอกสารโดยกระทรวงต่างประเทศ หรือกรมการกงสุลของประเทศไทย 
บริการนำเอกสารไปรับรองที่สถานทูต    บริการทนาย   NOTARY   PUBLIC 
บริการแปล และรับรองโดย NAATI ( National  Accreditation  Authority
​for  Translators  and  Interpreters Ltd. )  
บริการขอใบตรวจสอบประวัติ
​อาชญากรรม ​
บริการจดทะเบียนสมรสกับสัญชาติลาว 

​แผนกวีซ่า Call Center : 086-4549122 Line Official ID : @NYCV

แผนกแปล Call Center : 083-2494999 Line Official ID : @NYC168
​
  • Home
  • ติดต่อสาขา
  • ลูกค้าของเรา
  • รับยื่นวีซ่าทั่วโลก
  • ศึกษาต่อต่างประเทศ
  • Apec Card
  • บริการ Work Permit
  • Thai Visa Service
  • บริการตรวจสอบประวัติอาชญากรรม
  • บริการจดทะเบียนสมรสกับชาวลาว
  • Online Translation Service
  • Blog
  • รับแปลเอกสาร 300 ภาษา
  • รับรองเอกสารกงสุล
  • Notary Public
  • NAATI
  • Company Profile
Picture
บริการให้คำปรึกษารับยื่นวีซ่าประเทศอัฟกานิสถาน
Afghanistan Visa Service in Thailand
​​
NYC Visa Service  มีประสบการณ์ในการทำวีซ่าประเทศอัฟกานิสถาน มาเป็นเวลามากกว่ากว่าสิบปี โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการคำปรึกษาท่านตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าเยี่ยมญาติประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าเยี่ยมเพื่อนประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าคู่หมั้นประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าย้ายถิ่นฐานประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าฝึกงานประเทศอัฟกานิสถาน วีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน นอกจากนี้ยังมีบริการแปลเอกสารต่างๆ ทุกประเภท นอกจากนี้เรามีบริการให้คำปรึกษาในการยื่นขอวีซ่า วิเคราะห์ปัญหาของผู้ต้องการยื่นวีซ่า ประเมินโอกาสในการยื่นขอวีซ่าของท่านให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องและเพื่อให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ของผู้ขอยื่นวีซ่า และเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการเราได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เรายังมีบริการเป็นตัวแทนยื่นขอวีซ่าให้กับท่าน เป็นตัวแทนไปรับวีซ่าแทนท่าน และบริการจัดส่งเอกสารสำหรับท่านที่อยู่ต่างจังหวัดอีกด้วย

ยินดีต้อนรับเข้าสู่ NYC Visa Service ซึ่งเป็นเชี่ยวชาญให้บริการทางด้านรับทำวีซ่าและกฎหมายการตรวจคนเข้าเมืองโดยตรงของประเทศ
อัฟกานิสถาน (Afghanistan Visa Service in Thailand) เราเปิดให้บริการ รับปรึกษา รับยื่น รับทำ รับยื่นแก้วีซ่าไม่ผ่านทุกประเทศทั่วโลก เพื่อช่วยเหลือทุกท่านให้ได้รับวีซ่าได้ตามต้องการการ กับประเทศที่ต้องการจะเดินทาง จน NYC Visa Service ได้รับความสำเร็จอย่างสูงในการได้รับอนุมัติวีซ่าของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก          เนื่องจากทางเรามีบริการหลากหลายรูปแบบไว้อำนวยความสะดวกแก่ท่าน มีทีมงานมืออาชีพ เราเปิดให้บริการมายาวนานมากกว่า12 ปี และมีศูนย์บริการอยู่ทั่วประเทศมากถึง 12 ศูนย์ และยังมีการขยายงานเปิดศูนย์เพิ่มเติมทั่วประเทศเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการใช้บริการ เราเป็นตัวกลางในการยื่นของวีซ่ากับสถานทูตแต่ล่ะประเทศ สำหรับทุกท่านที่พบปัญหา เพื่อช่วยให้ท่านเข้าใจรูปแบบปัญหาที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด จึงทำให้ท่านประหยัดเวลา รวมไปถึงความแน่นอนในการได้รับวีซ่า            

จากการที่ NYC Visa Service  มีความชำนาญในเรื่องกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของประเทศอัฟกานิสถาน (Afghanistan Visa Service in Thailand)  จึงทำให้ได้รับการอนุมัติวีซ่าเร็วและง่ายขึ้น จึงพร้อมดำเนินการให้แก่ท่าน ตั้งแต่จัดเตรียมเอกสาร ประเมินแนะนำขั้นตอน  พร้อมแก้ปัญหาที่จะเกิด การเตรียมตัว รวมไปถึงดูแลยื่นเอกสารที่สถานทูตในแต่ล่ะประเทศ  ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร เราสามารถให้คำปรึกษา และบริการยื่นวีซ่าให้คุณได้  
           

NYC Visa Service เป็นบริษัทที่รับทำวีซ่าทุกประเภท อาทิ เชงเก้นวีซ่า (Schengen visa), วีซ่าประเทศอเมริกา วีซ่าประเทศอังกฤษ วีซ่าประเทศออสเตรเลีย วีซ่าประเทศฝรั่งเศส วีซ่าประเทศสวีเดน วีซ่าประเทศเยอรมัน  วีซ่าประเทศอิตาลี  วีซ่าประเทศนิวซีแลนด์ วีซ่าประเทศนอร์เวย์ วีซ่าประเทศฟินแลนด์ วีซ่าประเทศออสเตรีย วีซ่าสเปน วีซ่าประเทศเดนมาร์ วีซ่าประเทศเนเธอร์แลนด์ วีซ่าประเทศโปแลนด์ วีซ่าประเทศฟินแลนด์ รับยื่นวีซ่าประเทศนอร์เวย์ รับยื่นวีซ่าประเทศเบลเยียม รับยื่นวีซ่าประเทศโปรตุเกส  รับยื่นวีซ่าประเทศกรีซ รับยื่นวีซ่าประเทศโครเอเชีย รับยื่นวีซ่าประเทศเช็ก รับยื่นวีซ่าประเทศฟินแลนด์ รับยื่นวีซ่าประเทศมอลโดวา รับยื่นวีซ่าประเทศมอลตา รับยื่นวีซ่าประเทศมาซิโดเนีย รับยื่นวีซ่าประเทศยูเครน รับยื่นวีซ่าประเทศรัสเซีย ​รับยื่นวีซ่าประเทศโรมาเนีย รับยื่นวีซ่าประเทศลักเซมเบิร์กรับยื่นวีซ่าประเทศลัตเวีย รับยื่นวีซ่าประเทศลิทัวเนีย รับยื่นวีซ่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รับยื่นวีซ่าประเทศสวีเดน รับยื่นวีซ่าประเทศออสเตรีย รับยื่นวีซ่าประเทศอิตาลี ​รับยื่นวีซ่าประเทศไอซ์แลนด์  รับยื่นวีซ่าประเทศไอร์แลนด์ รับยื่นวีซ่าประเทศฮังการี วีซ่าอัฟกานิสถาน (Afghanistan Visa Service in Thailand)  เป็นต้น นอกจากนี้เรายังมีบริการรับแปลเอกสาร บริการรับรองเอกสารภาษาอื่น ๆ บริการประกันการเดินทาง และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย

NYC Visa Service  มีประสบการณ์ในการทำวีซ่ามาเป็นเวลามากกว่ากว่าสิบปี โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้บริการคำปรึกษาท่านตลอดเวลาไม่ว่าจะเป็นวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่าเยี่ยมญาติ วีซ่าเยี่ยมเพื่อน วีซ่านักเรียน วีซ่าถาวร วีซ่าแต่งงาน วีซ่าคู่หมั้น วีซ่าย้ายถิ่นฐาน วีซ่าติดตาม วีซ่าทำงาน วีซ่าดูงาน วีซ่าฝึกงาน วีซ่าธุรกิจ ประเทศ
อัฟกานิสถาน (Afghanistan Visa Service in Thailand) นอกจากนี้ยังมีบริการแปลเอกสารต่าง ๆ ทุกประเภท นอกจากนี้เรามีบริการให้คำปรึกษาในการยื่นขอวีซ่า วิเคราะห์ปัญหาของผู้ต้องการยื่นวีซ่า ประเมินโอกาสในการยื่นขอวีซ่าของท่านให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องและเพื่อให้มีความสอดคล้องกับสถานการณ์ของผู้ขอยื่นวีซ่า และเพื่อให้ลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาใช้บริการเราได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เรายังมีบริการเป็นตัวแทนยื่นขอวีซ่าให้กับท่าน เป็นตัวแทนไปรับวีซ่าแทนท่าน และบริการจัดส่งเอกสารสำหรับท่านที่อยู่ต่างจังหวัดอีกด้วย ให้ NYC Visa Service  ของเราเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลการดำเนินการขอยื่นวีซ่าอัฟกานิสถาน (Afghanistan Visa Service in Thailand)  ​ของท่าน ทีมงานของเราจะดูแลตั้งแต่ปัญหาพื้นฐาน การจัดเตรียมเอกสาร เป็นตัวแทนเพื่อยื่นขอวีซ่าของคุณ เราจะดูแลและติดตามผลหลังการให้บริการอย่างดีที่สุด

​ประเทศเวียดนามจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไบยังการนำทางไปยังการค้นหา
สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม
Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam (เวียดนาม)

ธงชาติตราแผ่นดิน
คำขวัญ: Độc lập – Tự do – Hạnh phúc ดกเหฺลิบ ตึซอ หั่ญฟุก (เหนือ) ดกเหฺลิบ ตึยอ หั่ญฟุก (ใต้)
("เอกราช อิสรภาพ ความสุข")
เพลงชาติ: มาร์ชทหารเวียดนาม 
(Tiến Quân Ca)[N 1]
MENU
0:00


ที่ตั้งของ ประเทศเวียดนาม  (เขียว)ในอาเซียน  (เทาเข้ม)  —  [คำอธิบายสัญลักษณ์]

เมืองหลวงฮานอย
21°2′N 105°51′E
เมืองใหญ่สุดนครโฮจิมินห์
ภาษาราชการภาษาเวียดนาม
การปกครองคอมมิวนิสต์
• ประธานาธิบดีเหงียน ฟู้ จ่อง
• นายกรัฐมนตรีเหงียน ซวน ฟุก
• ประธานสมัชชาแห่งชาติเวียดนามเหงียน ถิ กีม เงิน
เอกราชจาก ฝรั่งเศส 
• ประกาศ2 กันยายน พ.ศ. 2488[1] 
• เป็นที่ยอมรับพ.ศ. 2497 
พื้นที่
• รวม331,689 ตร.กม. (65)
128,065 ตร.ไมล์ 
• แหล่งน้ำ (%)1.3 [2]
ประชากร
• 1 กรกฎาคม 2560 (ประเมิน)93,700,000 [3] (13)
• ความหนาแน่น272 คน/ตร.กม. (46)
703 คน/ตร.ไมล์
จีดีพี (อำนาจซื้อ)2559 (ประมาณ)
• รวม$ 753.902 พันล้าน 
• ต่อหัว$ 6,994 
จีดีพี (ราคาตลาด)2559 (ประมาณ)
• รวม$ 263 พันล้าน 
• ต่อหัว$ 2,280 
จีนี (2557)34.8[4] 
HDI (2559) 0.694 (ปานกลาง) (115th)
สกุลเงินด่อง (₫)[5] (VND)
เขตเวลา(UTC+7)
 • ฤดูร้อน (DST) (UTC+7)
ขับรถด้านขวามือ
โดเมนบนสุด.vn
รหัสโทรศัพท์84เวียดนาม (เวียดนาม: Việt Nam [viət˨ nam˧] เหฺวียดนาม) มีชื่ออย่างเป็นทางการคือ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม(เวียดนาม: Cộng hòa xã hội chủ nghĩa Việt Nam, ก่ง ฮหว่า สา โห่ย จู๋ เหงีย เหวียต นาม) เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีน มีประชากรประมาณ 94.6 ล้านคนใน พ.ศ. 2559 ทำให้มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 13 ของโลกและมากเป็นอันดับ 9 ของเอเชีย มีพรมแดนติดกับประเทศจีน ทางทิศเหนือ ประเทศลาว และประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ อ่าวไทย ทางทิศตะวันออกและใต้ [a] มีเมืองหลวงชื่อฮานอยตั้งแต่เวียดนามเหนือและใต้รวมกันใน พ.ศ. 2519 เมืองใหญ่สุดในประเทศคือนครโฮจิมินห์
ทางเหนือของเวียดนามเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิจีนกว่าพันปี ตั้งแต่ 111 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึง ค.ศ. 939 รัฐแรกเริ่มของเวียดนามก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี 939 หลังเวียดนามชนัจีนในยุทธนาวีแม่น้ำบักดั่ง เวียดนามและจักรพรรดิเวียดนามก็เจริญรุ่งเรืองและเริ่มแผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนกระทั่งตกเป็นอินโดจีนของฝรั่งเศสของฝรั่งเศสในช่วงกลางศตวรรษที่ 19
หลังจากการยึดครองของญี่ปุ่นใน พ.ศ. 2483 เวียดนามสู้รบกับฝรั่งเศสในสงครามอินโดจีนครั้งที่หนึ่ง 2 กันยายน โฮจิมินห์ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม ในปี พ.ศ. 2497 เวียนนามชนะผรั่งเศสอย่างเด็ดขาดในยุทธการที่เดียนเบียนฟู และทำให้เวียดนามแยกเป็นสองประเทศคือเวียดนามเหนือ (สาธารณรัฐประชาธิปไตยเวียดนาม) และ เวียดนามใต้ (สาธารณรัฐเวียดนาม) ต่อมาความขัดแย้งระหว่าง 2 ประเทศทวีความรุนแรงจนกลายเป็นสงครามเวียดนามตั้งแต่ พ.ศ. 2498 –2518
ประเทศเวียดนามรวมประเทศและอยู่ภายใต้รัฐบาลคอมมิวนิสต์ แต่ยังมีความยากจนและโดดเดี่ยวทางการเมืองใน พ.ศ. 2529 พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเริ่มต้นบูรณะเศรษฐกิจและการเมืองทำให้เวียดนามเริ่มเข้าร่วมกับเศรษฐกิจโลก[7] ในปี พ.ศ. 2543 ได้มีการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับทุกประเทศ และตั้งแต่พ.ศ. 2543 อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนามนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงสุดในโลก[7] การบูรณะเศรษฐกิจประสบความสำเร็จทำให้เข้าร่วมกับองค์การการค้าโลกใน พ.ศ. 2550 และนอกจากนี้เวียดนามยังเป็นสมาชิกของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกและองค์การระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสด้วย
(ประเทศเวียดนามมีนักท่องเที่ยวมาประมาณ 5.54 ล้านคน)

เนื้อหา
  • 1ชื่อ
  • 2ประวัติศาสตร์
    • 2.1สมัยก่อนประวัติศาสตร์
    • 2.2สมัยประวัติศาสตร์
    • 2.3ราชวงศ์ยุคใหม่
    • 2.4ยุคแตกแยกเหนือ-ใต้
    • 2.5จักรวรรดิเวียดนาม
    • 2.6ยุคอาณานิคม
    • 2.7ยุคเอกราช
    • 2.8สงครามเวียดนาม
  • 3หน่วยงานราชการและการเมือง
    • 3.1การทหาร
    • 3.2ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    • 3.3การแบ่งเขตการปกครอง
  • 4ภูมิศาสตร์
    • 4.1ลักษณะภูมิประเทศ
    • 4.2ลักษณะภูมิอากาศ
    • 4.3ชายแดน
  • 5เศรษฐกิจ
    • 5.1เกษตรกรรม
    • 5.2อุตสาหกรรม
    • 5.3สถานการณ์เศรษฐกิจ
    • 5.4เหตุผลการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน
    • 5.5วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี
    • 5.6การขนส่ง
      • 5.6.1อากาศ
      • 5.6.2ถนน
      • 5.6.3ทางรถไฟ
      • 5.6.4ทางน้ำ
  • 6ประชากรศาสตร์
    • 6.1เชื้อชาติ
    • 6.2ภาษา
    • 6.3ศาสนา
    • 6.4การศึกษา
      • 6.4.1ประวัติการศึกษาของเวียดนาม
      • 6.4.2การศึกษาของเวียดนามในปัจจุบัน
  • 7วัฒนธรรม
    • 7.1สื่อสารมวลชน
    • 7.2ดนตรี
    • 7.3วรรณกรรม
    • 7.4เทศกาล
    • 7.5การท่องเที่ยว
    • 7.6กีฬา
    • 7.7อาหาร
    • 7.8การแต่งกาย
  • 8ดูเพิ่ม
  • 9หมายเหตุ
  • 10อ้างอิง
  • 11แหล่งข้อมูลอื่น
ชื่อ[แก้]คำว่า "เวียดนาม" หรือ "เหวียดนาม" (Việt Nam, /viə̀t naːm/, เหวียดนาม) คืออีกชื่อหนึ่งของ "นามเหวียด" (Nam Việt นามเหวียด; จีน: 南越; พินอิน: Nányuè; แปลว่า "เวียดใต้") โดยเป็นชื่อที่เริ่มใช้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์เจี่ยว (Nhà Triệu; 家趙, หญ่าเจี่ยว) ในช่วงศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล หรือช่วงระหว่างปีพ.ศ. 344 ถึง 443[8] คำว่า "เหวียด" (Việt)' เดิมเป็นชื่อย่อของ บั๊กเหวียด (Bách Việt บ๊าก เหฺวียด; จีน: 百越; พินอิน: Bǎiyuè; แปลว่า "ร้อยเวียด") ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกกลุ่มชนที่เคยอาศัยอยู่บริเวณทางใต้ของจีนและทางเหนือของเวียดนาม[9]
ประวัติศาสตร์[แก้]ดูบทความหลักที่: ประวัติศาสตร์เวียดนามสมัยก่อนประวัติศาสตร์[แก้]ดูบทความหลักที่: วัฒนธรรมดงเซิน

กลองมโหระทึกสำริดเป็นอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์ในเวียดนามมีชื่อเสียงมากโดยเฉพาะอารยธรรมยุคหินใหม่ ที่มีหลักฐานคือกลองมโหระทึกสำริด และชุมชนโบราณที่ดงเซิน เขตเมืองแทงหวา ทางใต้ของปากแม่น้ำแดง สันนิษฐานว่าบรรพบุรุษของชาวเวียดนามโบราณผสมผสานระหว่างชนเผ่ามองโกลอยด์เหนือจากจีนและใต้ ซึ่งเป็นชาวทะเล ดำรงชีพด้วยการปลูกข้าวแบบนาดำและจับปลา และอยู่กันเป็นเผ่า บันทึกประวัติศาสตร์ยุคหลังของเวียดนามเรียกยุคนี้ว่าอาณาจักรวันลาง มีผู้นำปกครองสืบต่อกันหลายร้อยปีเรียกว่า กษัตริย์หุ่ง แต่ถือเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์
สมัยประวัติศาสตร์[แก้]เวียดนามเริ่มเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์หลังจากตอนใต้ของจีนเข้ารุกรานและยึดครองดินแดนแถบลุ่มแม่น้ำแดง จากนั้นไม่นานจักรพรรดิจิ๋นซีซึ่งเริ่มรวมดินแดนจีนสร้างจักรวรรดิให้เป็นหนึ่งเดียว โดยได้ยกทัพลงมาและทำลายอาณาจักรของพวกถุกได้ ก่อนผนวกดินแดนลุ่มแม่น้ำแดงทั้งหมด ให้ขึ้นตรงต่อศูนย์กลางการปกครองหนานไห่ ที่เมืองพานอวี่หรือกว่างโจวในมณฑลกวางตุ้งปัจจุบัน หลังสิ้นสุดราชวงศ์ฉินข้าหลวงหนานไห่คือจ้าวถัว ประกาศตั้งหนานไห่เป็นอาณาจักรอิสระ ชื่อว่า หนานเยว่ หรือ นามเหวียต ในสำเนียงเวียดนามซึ่งเป็นที่มาของชื่อเวียดนามในปัจจุบัน ก่อนกองทัพฮั่นเข้ายึดอาณาจักรนามเหวียด ได้ในปี พ.ศ. 585 และผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจีน ใช้ชื่อว่า เจียวจื้อ ขยายอาณาเขตลงใต้ถึงบริเวณเมืองดานังในปัจจุบัน และส่งข้าหลวงปกครองระดับสูงมาประจำ เป็นช่วงเวลาที่ชาวจีนนำวัฒนธรรมจีนทางด้านต่างๆ ไปเผยแพร่ที่ดินแดนแห่งนี้ พร้อมเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทรัพยากรจากชาวพื้นเมืองหรือชาวเวียดนามจนนำไปสู่การต่อต้านอย่างรุนแรงหลายครั้งเช่น:
  • วีรสตรีในนาม ฮายบาจึง ได้นำกองกำลังต่อต้านการปกครองของจีน แต่ปราชัยในอีก 3 ปีต่อมาและตกเป็นส่วนหนึ่งของจีน
  • นักโทษปัญญาชนชาวจีนนามว่า หลีโบน ร่วมมือกับปัญญาชนชาวเวียดนามร่วมทำการปฏิวัติ ก่อตั้งราชวงค์หลี ขนานนามแคว้นว่า วันซวน แต่พ่ายแพ้ในที่สุด
การปกครองของจีนในเวียดนามขาดตอนเป็นระยะตามสถานการณ์ในจีนเอง ซึ่งเป็นโอกาสให้ชาวพื้นเมืองในเวียดนามตั้งตนเป็นอิสระ ในช่วงเวลาที่เวียดนามอยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์ถาง พุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่เวียดนาม เมืองต้าหลอหรือฮานอย เป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นศูนย์กลางการค้าการเดินทางของชาวจีนและอินเดีย พระสงฆ์และนักบวชในลัทธิเต๋าจากจีนเดินทางเข้ามาอาศัยในดินแดนนี้ ต่อมาราชวงศ์ถางได้เปลี่ยนชื่อเขตปกครองนี้ใหม่ว่า อันหนาน (หรืออันนัม ในสำเนียงเวียดนาม) หลังปราบกบฏชาวพื้นเมืองได้ แต่ถือเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่จีนครอบครองดินแดนแห่งนี้
  • พ.ศ. 1498-1510 ราชวงศ์โง--หลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ถางของจีน นายพลโงเกวี่ยนผู้นำท้องถิ่นในเขตเมืองฮวาลือ ทางใต้ของลุ่มแม่น้ำแดง ขับไล่ชาวจีนได้ แล้วจึงก่อตั้งราชวงศ์โงเปลี่ยนชื่อประเทศว่า ไดเวียด หลังจากจักรพรรดิสวรรคต อาณาจักรแตกแยกออกเป็น 12 แคว้น มีผู้นำของตนไม่ขึ้นตรงต่อกัน
  • พ.ศ. 1511-1523 ราชวงศ์ดิงห์--ขุนศึกดิงห์โบะหลิง แม่ทัพของราชวงศ์โง สามารถรวบรวมแคว้นต่างๆเข้าด้วยกัน เปลียนชื่อประเทศเป็น
ไดโก่เวียด เริ่มสร้างระบบการปกครองแบบจีนมากกว่ายุคก่อนหน้า และตั้งตนเป็น จักรพรรดิดิงห์เตียน หรือ ดิงห์เตียนหว่าง เสมือนจักรพรรดิจิ๋นซีผู้รวบรวมจีน ถือเป็นการเริ่มใช้ตำแหน่งจักรพรรดิหรือ หว่างเด๋ ในเวียดนามเป็นครั้งแรก
  • พ.ศ. 1524-1552 ราชวงศ์เตี่ยนเลหรือเลยุคแรก--มเหสีของจักรพรรดิดิงห์โบะหลิง ได้ขับไล่รัชทายาทราชวงศ์ดิงห์ สถาปนาพระสวามีใหม่คือขุนศึกเลหว่านเป็นจักรพรรดิเลด่ายแห่ง โดยพยายามสร้างความมั่นคงด้วยการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับราชวงศ์ซ่งของจีนและปราบปรามกบฏภายใน แต่ก็ไม่รอดพ้นการรัฐประหาร สมัยนี้พุทธศาสนาและลัทธิเต๋ารุ่งเรืองมากและได้รับความเลื่อมใสศรัทธาในหมู่ชนชั้นสูงมาก
ราชวงศ์ยุคใหม่[แก้]
  • พ.ศ. 1552-1768 ราชวงศ์หลี--หลี กง อ่วนมีอำนาจในราชสำนักฮวาลือ เมื่อขึ้นครองราชย์ ทรงย้ายเมืองหลวงไปที่ ทังลอง (ฮานอย) ทรงสร้างวัดขึ้น 150 แห่ง ในปี 1070 นำระบบการสอบจอหงวนมาใช้ ก่อตั้งมหาวิทยาลัยวันเหมียว ให้ความรู้เกี่ยวกับวรรณคดีขงจื้อ เพื่อสอบเข้ารับราชการในระบบจอหงวน แต่ขุนนางยังมีจำนวนน้อย ส่วนหนึ่งเป็นเชื้อสายผู้มีอิทธิพลในหัวเมือง ต่อมาทรงพระนามว่า หลีไถโต๋ สมัยหลีเป็นสมัยที่พระพุทธศาสนามีอิทธิพลต่อการเมืองการปกครองและสังคมมาก ที่ปรึกษาราชการในบางสมัยเป็นพระสงฆ์ จักรพรรดิราชวงศ์หลีช่วงหลังสร้างวัดขนาดใหญ่ขึ้นหลายแห่ง และสละราชสมบัติออกผนวช เป็นสาเหตุให้การบริหารราชการเริ่มตกอยู่ในอำนาจของเครือญาติพระชายามาจากตระกูลที่มั่งคั่งในหัวเมือง ผู้ปกครององค์สุดท้ายเป็นเด็กหญิงที่ได้รับการตั้งเป็นจักรพรรดินี พระนามว่าหลีเจี่ยว การบริหารราชการตกอยู่ในอำนาจของญาติวงศ์พระชนนีซึ่งเป็นขุนศึกมีกองกำลังทหารอยู่ในมือ เช่นเจิ่นถูโดะ ซึ่งก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากราชวงศ์หลีในที่สุด
  • พ.ศ. 1768-1943 ราชวงศ์เจิ่น--เจิ่นถูโดะญาติของพระชายาจักรพรรดิก่อรัฐประหาร ยึดอำนาจท่ามกลางสถานการณ์กบฏและการรุกรานจากข้าศึกต่างชาติ จากนั้นได้อภิเษกสมรสกับพระนางเจียว ฮว่าง จักรพรรดินีองศ์สุดท้ายของราชวงศ์หลีแล้วยกหลานขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์แรกของราชวงศ์เจิ่น สมัยเจิ่นเวียดนามต้องเผชิญกับศึกสงครามโดยตลอด ที่ร้ายแรงที่สุดคือการรุกรานจากพวกมองโกลและจัมปา สมัยเจิ่นก็เริ่มให้ความสำคัญกับอารยธรรมจีนมากกว่ายุคก่อนหน้าโดยเฉพาะด้านภูมิปัญญาและอักษรศาสตร์รวมถึงการบริหารราชการแบบจีน ในสมัยนี้มีการประมวลพงศาวดารชาติเป็นครั้งแรก ชื่อว่า ด่ายเหวียตสือกี๋ หรือ บันทึกประวัติศาสตร์มหาอาณาจักรเวียด โดยราชบัณฑิต เลวันฮึว นอกจากนี้ยังเริ่มมีการประดิษฐ์อักษรของเวียดนามที่เรียกว่า อักษรโนม ขึ้นเป็นครั้งแรก
  • พ.ศ. 1943-1971 ราชวงศ์โห่--โห่กุ๊ยลี ญาติของพระชายาจักรพรรดิราชวงศ์เจิ่น สร้างฐานอำนาจของตนด้วยการเป็นแม่ทัพทำศึกกับพวกจามทางใต้ ต่อมาก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากจักรพรรดิราชวงศ์เจิ่นและพยายามกำจัดเชื้อสายราชวงศ์ที่หลงเหลืออยู่ จากนั้นขึ้นครองราชย์ ตั้งทายาทของตนเป็นจักรพรรดิต่อมา ราชนิกูลราชวงศ์เจิ่นได้ขอความช่วยเหลือไปยังจีน ทำให้จีนส่งกองทัพเข้ามาล้มล้าง ราชวงศ์โห่ แต่สุดท้ายก็ไม่มอบอำนาจให้แก่ราชวงศ์เจิ่น และยึดครองเวียดนามแทนที่
  • การกู้เอกราชและก่อตั้ง ราชวงศ์เล (ยุคหลัง) พ.ศ. 1971-2331 เล่เหล่ย ชาวเมืองแทงหวา ทางใต้ของฮานอย ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกตั้งตนขึ้นเป็นผู้นำเวียดนาม ขับไล่จีนออกจากเวียดนามได้สำเร็จ ต่อมาในปี พ.ศ. 1971 เลเหล่ยขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ สถาปนา ราชวงศ์เล ขึ้น มีราชธานีที่ฮานอยหรือทังลองและราชธานีอีกแห่งคือที่เมืองแทงหวา (ทันห์ว้า) หรือ ราชธานีตะวันตก ซึ่งเป็นถิ่นฐานเดิมของเลเหล่ยและตระกูลเล ต่อมาเลเหล่ยได้รับการถวายพระนามว่า เลไถโต๋
ราชวงศ์เลช่วงแรกเป็นช่วงสร้างความมั่นคงและฟื้นฟูประเทศในทุกด้าน โดยเฉพาะในสมัยเลไถโต๋หรือเลเหล่ย เช่นการสร้างระบบราชการ จัดสอบคัดเลือกขุนนาง ตรากฎหมายใหม่ แบ่งเขตการปกครองใหม่ ฟื้นฟูการเกษตร รวมถึงการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนทำให้เวียดนามเข้าสู่ยุคสงบสุขปลอดจากสงครามอีกครั้ง
หลังสมัยเลเหล่ย เริ่มเกิดความขัดแย้งระหว่างขุนนางพลเรือนกับบรรดาขุนศึกที่ร่วมทัพกับเลเหล่ยในการสู้รบกับจีน ความขัดแย้งบานปลายจนนำไปสู่การแบ่งพรรคแบ่งพวกในหมู่ข้าราชสำนัก จนเกิดการรัฐประหารครั้งแรกของราชวงศ์เลใน พ.ศ. 2002 มีการประหารพระชนนีและจักรพรรดิขณะนั้น ต่อมาบรรดาขุนนางจึงสนับสนุนให้ราชนิกูลอีกพระองค์หนึ่งมาเป็นจักรพรรดิแทน ต่อมาคือจักรพรรดิเลแถงตง (พ.ศ. 2003-2040)
รัชกาลจักรพรรดิเลแถงตงถือว่ายาวนานและรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์เวียดนาม มีการปฏิรูปประเทศหลายด้านโดยยึดรูปแบบจีนมากกว่าเดิม ทั้งระบบการสอบรับราชการที่จัดสอบครบสามระดับตั้งแต่อำเภอจนถึงราชธานี จำนวนขุนนางเพิ่มขึ้นทวีคูณและทำให้ระบบราชการขยายตัวมากกว่ายุคสมัยก่อนหน้า นอกจากนั้นยังมีการประมวลกฎหมายใหม่พระองค์ทรงสร้างเวียดนามให้เป็นมหาอำนาจและเป็นศูนย์กลางด้วยการทำสงครามกับเพื่อนบ้านที่มักขัดแย้งกับเวียดนามคือจัมปาและลาว อิทธิพลของเวียดนามรับรู้ไปจนถึงหัวเมืองเผ่าไทในจีนตอนใต้และล้านนา หลังรัชกาลนี้ราชวงศ์เลเริ่มประสบปัญหาความขัดแย้งในหมู่ขุนนาง เชื้อพระวงศ์ ปัญหาเศรษฐกิจจนที่สุดก็ถูกรัฐประหารโดยขุนศึกหมักดังซุง ในปี พ.ศ. 2071 เชื้อพระวงศ์ราชวงศ์เลหลบหนีด้วยการช่วยเหลือของขุนศึกตระกูลเหวียนและจิ่ง ที่มีอิทธิพลในราชสำนักมาแต่แรก
ราชวงศ์เลเริ่มการฟื้นฟูกอบกู้อำนาจคืนโดยมีแม่ทัพเป็นคนตระกูลเหวียนและจิ่ง ทำสงครามกับราชวงศ์หมักจนถึงปี พ.ศ. 2136 จึงสามารถยึดเมืองทังลองคืนได้และฟื้นฟูราชวงศ์เลปกครองเวียดนามต่อไป
ยุคแตกแยกเหนือ-ใต้[แก้]
  • หลังการฟื้นฟูราชวงศ์เลขึ้นได้ ขุนศึกตระกูลจิ่งตั้งตนเป็นผู้สำเร็จราชการ และให้ขุนศึกตระกูลเหวียนไปปกครองเขตชายแดนใต้บริเวณเมืองด่งเหยลงไปถึงบริเวณเมืองดานังในปัจจุบัน ขุนศึกตระกูลจิ่งตั้งตนเป็น เจ้าสืบตำแหน่งผู้สำเร็จราชการ ในตระกูลของตนเอง ขุนศึกตระกูลเหวียนจึงประกาศไม่ยอมรับการปกครองของตระกูลจิ่งจนเกิดสงครามครั้งใหม่ต่อมาอีกหลายสิบปี เวียดนามแบ่งแยกเป็นสองส่วน ส่วนเหนือ คือ เวียดนามเหนือ อยู่ในการปกครองของราชวงศ์เลและเจ้าตระกูลจิ่ง มีศูนย์กลางที่ทังลอง ส่วนใต้ คือ เวียดนามใต้ มีตระกูลเหวียนปกครอง มีศุนย์กลางที่เมืองฝูซวนหรือเว้ในปัจจุบันตลอดมา
จักรวรรดิเวียดนาม[แก้]ดูบทความหลักที่: ราชวงศ์เตยเซิน และ ราชวงศ์เหวียน
  • พ.ศ. 2316 เกิดกบฏนำโดยชาวนาสามพี่น้องที่หมู่บ้านเตยเซินขึ้นในเขตเมืองบิ่งดิ่ง เขตปกครองของตระกูลเหวียน และสามารถยึดเมืองฝูซวนได้ องค์ชายเหงวียนแอ๋ง เชื้อสายตระกูลเหวียนหลบหนีลงใต้ออกจากเวียดนามไปจนถึงกรุงเทพฯ ก่อนกลับมารวบรวมกำลังเอาชนะพวกเตยเซินได้
องค์ชายเหงวียนแอ๋งหรือเหงวียนฟุกอ๊าน (องเชียงสือ) ผู้นำตระกูลเหงวียน ซึ่งตั้งตนเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งราชวงศ์เหงวียน ในปี พ.ศ. 2345 สถาปนาราชธานีใหม่ที่เมืองเว้แทนที่ทังลอง ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ฮานอย
  • จักรวรรดิเวียดนาม (พ.ศ. 2345 -2488)
องค์ชายเหงวียนแอ๋งหรือจักรพรรดิยาลอง จักรพรรดิพระองค์แรกของราชวงศ์เหวียนเริ่มฟื้นฟูประเทศ เวียดนามมีอาณาเขตใกล้เคียงกับปัจจุบัน ดินแดนภาคใต้ขยายไปถึงปากแม่น้ำโขงและชายฝั่งอ่าวไทย ทรงรักษาสัมพันธ์กับชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาวฝรั่งเศสที่ช่วยรบกับพวกเตยเซิน นายช่างชาวฝรั่งเศสช่วยออกแบบพระราชวังที่เว้ และ ป้อมปราการเมืองไซ่ง่อน
ราชวงศ์เหงวียนรุ่งเรืองที่สุดในสมัยจักรพรรดิมินหมั่ง จักรพรรดิองค์ที่สอง ทรงเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น ด่ายนาม ขยายแสนานุภาพไปยังลาวและกัมพูชา ผนวกกัมพูชาฝั่งตะวันออก ทำสงครามกับสยามต่อเนื่องเกือบยี่สิบปี แต่ภายหลังต้องถอนตัวจากกัมพูชาหลังถูกชาวกัมพูชาต่อต้านอย่างรุนแรง
สมัยนี้เวียดนามเริ่มใช้นโยบายต่อต้านการเผยแพร่คริสต์ศาสนาของบาทหลวงชาวตะวันตก มีการจับกุมและประหารบาทหลวงชาวตะวันตกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงชาวเวียดนามที่นับถือคริสต์ศาสนา จนถึงรัชกาลจักรพรรดิองค์ที่ 4 คือจักรพรรดิตึดึ๊ก ทรงต่อต้านชาวคริสต์อย่างรุนแรงต่อไป จนในที่สุดบาทหลวงชาวฝรั่งเศสขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลของตนให้ช่วยคุ้มครอง พ.ศ. 2401 เรือรบของกองทัพเรือฝรั่งเศสเข้ามาถึงน่านน้ำเมืองดานัง (หรือตูราน) ฐานทัพเรือใกล้เมืองหลวงเว้ นำไปสู่การสู้รบกันของทั้งฝ่าย
ต่อมากองกำลังฝรั่งเศสได้บุกโจมตีดินแดนภาคใต้บริเวณปากแม่น้ำโขงและยึดครองพื้นที่ได้เกือบทั้งหมด จักรพรรดิตึดึ๊กจึงต้องยอมสงบศึกและมอบดินแดนภาคใต้ให้แก่ฝรั่งเศส ชาวเวียดนามเริ่มต่อต้านการยึดครองของฝรั่งเศสแต่ไม่อาจต่อสู้กับแสนยานุภาพทหางทหารที่เหนือกว่าได้ ฝรั่งเศสจึงเข้าควบคุมเวียดนามอย่างจริงจังมากขึ้นและแบ่งเวียดนามออกเป็น 3 ส่วน คืออาณานิคมโคชินจีน ในภาคใต้ เขตอารักขาแคว้นอันนัม ในตอนกลาง และ เขตอารักขาตังเกี๋ยในภาคเหนือ และเวียดนามยังมีจักรพรรดิเป็นประมุขเช่นเดิม แต่ต้องผ่านการคัดเลือกโดยข้าหลวงฝรั่งเศส และมีฐานะเป็นสัญลักษณ์ อำนาจในการบริหารการคลัง การทหาร และ การทูตเป็นของฝรั่งเศส ถือว่าเวียดนามสิ้นสุดฐานะเอกราชนับแต่นั้น
ยุคอาณานิคม[แก้]ดูบทความหลักที่: อินโดจีนฝรั่งเศส

แผนที่อินโดจีน ค.ศ. 1913.ฝรั่งเศสแสวงหาผลประโยชน์จากการปกครองเวียดนามทางด้านเศรษฐกิจ เวียดนามเป็นแหล่งปลูกข้าวและพืชเศรษฐกิจใหม่ ๆ เช่นกาแฟ และยางพารา ส่งออกไปยังฝรั่งเศสและเป็นวัตถุดิบแก่โรงงานในฝรั่งเศส ที่ดินในเวียดนามถูกยึดและตกเป็นของชาวฝรั่งเศส และเริ่มอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเวียดนาม ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการศึกษาและวัฒนธรรมฝรั่งเศสให้แพร่หลายในเวียดนาม ชาวเวียดนามส่วนหนึ่งได้รับการศึกษาแบบใหม่และเริ่มต้องการอิสระในการทำงานและมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ นำไปสู่การก่อตัวของกลุ่มชาตินิยมต่าง ๆ ที่เข้มแข็งที่สุดคือพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีนที่ตั้งขึ้นโดยโฮจิมินห์ ในปี พ.ศ. 2473 และต่อมาปรับเปลี่ยนเป็น กลุ่มเวียดมินห์ ได้นำชาวนาก่อการต่อต้านฝรั่งเศสในชนบท
ยุคเอกราช[แก้]ดูบทความหลักที่: เวียดนามเหนือ และ เวียดนามใต้พ.ศ. 2488 โฮจิมินห์รับมอบอำนาจจากจักรพรรดิบ๋าวได่และรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกหลังประกาศเอกราช แต่หลังจากนั้นฝรั่งเศสได้กลับเข้ามาขับไล่รัฐบาลของโฮจิมินห์และไม่ยอมรับเอกราชของเวียดนาม นำไปสู่สงครามจนในที่สุดฝรั่งเศสพ่ายแพ้แก่กองกำลังเวียดมินห์ที่ค่ายเดียนเบียนฟู ในปี พ.ศ. 2497 และมีการทำสนธิสัญญาเจนีวา ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ยอมรับเอกราชของเวียดนาม แต่สหรัฐอเมริกาและชาวเวียดนามในภาคใต้บางส่วนไม่ต้องการรวมตัวกับรัฐบาลของโฮจิมินห์ ต่อมาได้ก่อตั้งดินแดนเวียดนามภาคใต้เป็นอีกประเทศหนึ่ง คือ สาธารณรัฐเวียดนาม (เวียดนามใต้) มีเมืองหลวงคือ ไซ่ง่อน ใช้เส้นละติจูดที่ 17 องศาเหนือแบ่งแยกกับเวียดนามส่วนเหนือใต้การปกครองของโฮจิมินห์ (เวียดนามเหนือ)
สงครามเวียดนาม[แก้]
สงครามเวียดนาม
ดูบทความหลักที่: สงครามเวียดนามเวียดนามเหนือไม่ยอมรับสถานภาพของเวียดนามใต้ ขณะที่สหรัฐอเมริกาได้ให้การช่วยเหลือทางทหารแก่เวียดนามใต้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการส่งทหารมาประจำในเวียดนามใต้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เวียดนามเหนือประกาศทำสงครามเพื่อขับไล่และ ปลดปล่อย เวียดนามใต้จากสหรัฐอเมริกาและรวมเข้าเป็นประเทศเดียวกัน พร้อมให้การสนับสนุนกลุ่มชาวเวียดนามใต้ที่ต่อต้านสหรัฐอเมริกา (เวียดกง) ในการทำสงคราม
การรบส่วนใหญ่กลายเป็นการรบระหว่างทหารสหรัฐอเมริกาและพันธมิตรจากต่างประเทศ กับกองกำลังเวียดกงและเวียดนามเหนือ ทั้งในชนบทและการโจมตีในเมือง แม้สหรัฐอเมริกาได้ทุ่มเทแสนยานุภาพอย่างเต็มที่แต่ก็ไม่อาจทำให้สงครามยุติลงได้ หลังการรุกโจมตีครั้งใหญ่ของเวียดนามเหนือและเวียดกงในปี พ.ศ. 2511 ที่เมืองเว้และเมืองหลักอื่น ๆ ในเวียดนามใต้ สหรัฐอเมริกาเริ่มเตรียมการถอนกำลังจากเวียดนามใต้และให้เวียดนามใต้ทำสงครามโดยลำพัง
สหรัฐอเมริกาถอนทหารจากเวียดนามใต้อย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2516 กองกำลังเวียดนามเหนือและเวียดกงจึงสามารถรุกเข้ายึดไซ่ง่อนและเวียดนามใต้ได้ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2518 การรวมเวียดนามทั้งสองส่วนเข้าด้วยกันเกิดขึ้นในวันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2519 และเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นับแต่นั้น
หน่วยงานราชการและการเมือง[แก้]1.การเมืองของเวียดนามมีเสถียรภาพ เนื่องจากมีพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เป็นองค์กรที่มีอำนาจ สูงสุดเพียงพรรคการเมืองเดียว ผูกขาดการชี้นำภายใต้ระบบผู้นำร่วม (collective leadership) ที่คานอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำ ได้แก่
  • กลุ่มปฏิรูป ที่สนับสนุนการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจ นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรี ฟาน วัน ขาย
  • กลุ่มอนุรักษนิยม ซึ่งต่อต้านหรือชะลอการเปิดประเทศ เพราะเกรงภัยของ “วิวัฒนาการที่สันติ” peaceful evolution) อันเนื่องมาจากการเปิดประเทศ และ
  • กลุ่มที่เป็นกลาง ประนีประนอมระหว่างสองกลุ่มแรก นำโดยอดีตประธานาธิบดี เจิ่น ดึ๊ก เลือง ส่งผลให้รัฐบาลเวียดนามต้องปรับแนวทางการบริหารประเทศให้ยืดหยุ่นและเปิดกว้างมากขึ้น แต่ก็ไม่สามารถดำเนินไปได้ในย่างก้าวที่รวดเร็วนัก
2.เวียดนามได้มีการเลือกตั้งสภาแห่งชาติ สมัยที่ 11 เมื่อ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 มีผู้ได้รับการเลือกตั้งทั้งสิ้น 498 คน เป็นผู้เลือกตั้งอิสระเพียง 2 คน ที่เหลือเป็นผู้สมัครที่ได้รับการคัดเลือกจากพรรคคอมมิวนิสต์ สภาแห่งชาติมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี มีหน้าที่ตรากฎหมาย แต่งตั้งหรือถอดถอนประธานาธิบดี ประธานรัฐสภา และ นายกรัฐมนตรี
3.สภาแห่งชาติชุดใหม่ได้เปิดประชุมเมื่อ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 โดยสภาได้มีมติสำคัญๆ คือ
  • รับรองผลการเลือกตั้งเมื่อ 19 พฤษภาคม
  • เลือกตั้งคณะกรรมการต่าง ๆ ประจำสภา
  • การเลือกตั้งให้นายเหวียน วัน อาน ดำรงตำแหน่งประธานสภาต่อไป (เมื่อ 23 กรกฎาคม)
  • การเลือกตั้งให้นายเจิ่น ดึ๊ก เลือง ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป (เมื่อ 24 กรกฎาคม) และ
  • เลือกตั้งให้นายฟาน วัน ขาย ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป (เมื่อ 25 กรกฎาคม) และได้มีการปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อ 8 สิงหาคม 2545 โดยในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ 26 คน มีรัฐมนตรีที่ได้รับแต่งตั้งใหม่ 15 คน
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถ หลายคนเคยดำรงรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงนั้น ๆ มาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีการตั้งกระทรวงใหม่ 3 กระทรวง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม และกระทรวงภายใน ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารประเทศมากขึ้น ซึ่งเมื่อพิจารณาในประเด็นนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่ดำเนินไปด้วยดีในปัจจุบัน
4.แผนงานการปฏิรูประบบราชการสำหรับปี ค.ศ. 2001-2010 เน้น 4 ประเด็น ได้แก่ การปฏิรูประบบกฎหมาย การปฏิรูปโครงสร้างองค์กร การยกระดับความสามารถของข้าราชการ และการปฏิรูปด้านการคลัง
การทหาร[แก้]ดูบทความหลักที่: กองทัพเวียดนาม
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]ดูบทความหลักที่: จังหวัดของประเทศเวียดนาม, เทศบาลนครของประเทศเวียดนาม และ เขตของประเทศเวียดนาม

ลายเจิว
หล่าวกาย
ห่าซาง
กาวบั่ง
หลั่งเซิน
บั๊กกั่น
เตวียนกวาง
เอียนบ๊าย
เดี่ยนเบียน
เซินลา
ฟู้เถาะ
ท้ายเงวียน
ฮานอย
บั๊กซาง
กว๋างนิญ
ไฮฟอง
ท้ายบิ่ญ
นามดิ่ญ
นิญบิ่ญ
ฮหว่าบิ่ญ
ทัญฮว้า
เหงะอาน
ห่าติ๋ญ
กว๋างบิ่ญ
กว๋างจิ
เถื่อเทียน-เว้
ดานัง
กว๋างนาม
กอนตูม
กว๋างหงาย
ซาลาย
บิ่ญดิ่ญ
ดั๊กลัก
ฟู้เอียน
ดั๊กนง
คั้ญฮหว่า
เลิมด่ง
นิญถ่วน
บิ่ญถ่วน
บิ่ญเฟื้อก
ด่งนาย
บ่าเสียะ-หวุงเต่า
บิ่ญเซือง
เต็ยนิญ
ล็องอาน
ด่งท้าป
อานซาง
เกียนซาง
ก่าเมา
บักเลียว
ซ้อกจัง
จ่าวิญ
เบ๊นแจ
หวิญฟุก
บั๊กนิญ
หายเซือง
ฮึงเอียน
ห่านาม
นครโฮจิมินห์
เตี่ยนซาง
หวิญล็อง
เกิ่นเทอ
เหิ่วซาง
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแดง
  • บั๊กนิญ
  • ห่านาม
  • หายเซือง
  • ฮึงเอียน
  • นามดิ่ญ
  • นิญบิ่ญ
  • ท้ายบิ่ญ
  • หวิญฟุก
  • ฮานอย (เทศบาลนคร) 
  • ไฮฟอง (เทศบาลนคร)
ชายฝั่งตอนกลางเหนือ
  • ห่าติ๋ญ
  • เหงะอาน
  • กว๋างบิ่ญ
  • กว๋างจิ
  • ทัญฮว้า
  • เถื่อเทียน-เว้
ตะวันออกเฉียงเหนือ
  • บั๊กซาง
  • บั๊กกั่น
  • กาวบั่ง
  • ห่าซาง
  • หลั่งเซิน
  • หล่าวกาย
  • ฟู้เถาะ
  • กว๋างนิญ
  • ท้ายเงวียน
  • เตวียนกวาง
  • เอียนบ๊าย
ตะวันตกเฉียงเหนือ
  • เดี่ยนเบียน
  • ฮหว่าบิ่ญ
  • ลายเจิว
  • เซินลา

ที่สูงตอนกลาง
  • ดั๊กลัก
  • ดั๊กนง
  • ซาลาย
  • กอนตูม
  • เลิมด่ง
ชายฝั่งตอนกลางใต้
  • บิ่ญดิ่ญ
  • นิญถ่วน
  • คั้ญฮหว่า
  • บิ่ญถ่วน
  • ฟู้เอียน
  • กว๋างนาม
  • กว๋างหงาย
  • ดานัง (เทศบาลนคร)
ตะวันออกเฉียงใต้
  • บ่าเสียะ-หวุงเต่า
  • บิ่ญเซือง
  • บิ่ญเฟื้อก
  • ด่งนาย
  • เต็ยนิญ
  • โฮจิมินห์ (เทศบาลนคร)
ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง
  • อานซาง
  • บักเลียว
  • เบ๊นแจ
  • ก่าเมา
  • ด่งท้าป
  • เหิ่วซาง
  • เกียนซาง
  • ล็องอาน
  • ซ้อกจัง
  • เตี่ยนซาง
  • จ่าวิญ
  • หวิญล็อง
  • เกิ่นเทอ (เทศบาลนคร)
ภูมิศาสตร์[แก้]
อ่าวหะล็อง

ชาวเวียดนามนิยมปลูกข้าวแบบขั้นบันไดเวียดนามเป็นประเทศที่มีลักษณะเป็นแนวยาว และ มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงกั้นระหว่างที่ราบลุ่มแม่น้ำที่อุดมสมบูรณ์ทางตอนเหนือและใต้ แต่มีภูเขาที่มีป่าหนาทึบแค่ 20% โดยมีพันธุ์ไม้ 13,000 ชนิด และพันธุ์สัตว์กว่า 15,000 สายพันธุ์
ลักษณะภูมิประเทศ[แก้]
  • มีที่ราบลุ่มแม่น้ำขนาดใหญ่ 2 ตอน คือ ตอนเหนือเป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำแดง และตอนใต้เป็นที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง
  • มีที่ราบสูงตอนเหนือของประเทศ และยังเป็นภูมิภาคที่มีเขา ซึ่งเป็นภูเขาที่สูง 3,143 เมตร (10,312 ฟุต)
ลักษณะภูมิอากาศ[แก้]
  • เป็นแบบมรสุมเขตร้อน ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเปิดโล่งรับลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านทะเลจีนใต้ ทำให้มีโอกาสรับลมมรสุมและพายุหมุนเขตร้อน จึงมีฝนตกชุกในฤดูหนาว สามารถปลูกข้าวได้ปีละ 2 ครั้ง (ฝนตกตลอดปี ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ)
  • เป็นประเทศที่มีความชื้นประมาณร้อยละ 84 ตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยตั้งแต่ 5 องศาเซลเซียส
ชายแดน[แก้]ทั้งหมด 4,638 กิโลเมตร (2,883 ไมล์) โดยติดกับประเทศกัมพูชา 1,228 กิโลเมตร (763 ไมล์) ประเทศจีน 1,281 กิโลเมตร (796 ไมล์) และประเทศลาว 2,130 กิโลเมตร (1,324 ไมล์)
เศรษฐกิจ[แก้]
ฮานอยมีเคียงนัมฮานอยแลนด์มาร์กทาวเวอร์ตึกที่สูงที่สุดในเวียดนามเกษตรกรรม[แก้]มีผลผลิตได้แก่ ข้าวเจ้า ยางพารา ชา กาแฟ ยาสูบ พริกไทย (ในปี พ.ศ. 2549 ส่งออกกว่า 116,000 ตัน) [10] การประมง เวียดนามจับปลาได้เป็นอันดับ 4 ของสินค้าส่งออก เช่น ปลาหมึก กุ้ง ตลาดที่สำคัญ คือ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์
อุตสาหกรรม[แก้]อุตสาหกรรมที่สำคัญ คือ อุตสาหกรรมทอผ้า ศูนย์กลางอยู่ที่โฮจิมินห์ซิตีและมีนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้เบียนโฮ[11] การทำเหมืองแร่ที่สำคัญ คือ ถ่านหิน น้ำมันปิโตรเลียม และแก๊สธรรมชาติ เวียดนามเป็นประเทศส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย [12]
สถานการณ์เศรษฐกิจ[แก้]
ท่าเรือไซ่ง่อนเวียดนามมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และเผชิญภาวะขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า จึงมีการซื้อพลังงานไฟฟ้าจากมณฑลยูนนาน ประเทศจีน ตั้งแต่กันยายนปี 2004 [13] แม้ว่าเหตุผลทางเศรษฐกิจจะเป็นเหตุผลที่มีความสำคัญรองจากเหตุผลทางการเมืองและยุทธศาสตร์ในการที่อาเซียนรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิก แต่ก็ยังคงความสำคัญในระดับหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้ความสัมพันธ์ทวิภาคีทางเศรษฐกิจระหว่างเวียดนามและประกาศถอนทหารออกจากกัมพูชา และเมื่อเวียดนามได้ลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่กรุงปารีสในปี 1991
เหตุผลการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน[แก้]
  1. การสนับสนุนและความช่วยเหลือในการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเวียดนาม ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อมจากประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งเวียดนามมองว่าเป็นสิ่งที่มาพร้อมกับการปรับสภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์และการปรับนโยบายต่างประเทศ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนจะทำให้เวียดนามมีโอกาสได้เรียนรู้ประสบการณ์ในการพัฒนาประเทศจากสมาชิกต่างๆ อันจะมีส่วนเอื้ออำนวยและเร่งการพัฒนาของตนไปสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาดซึ่งตั้งอยู่บนหลักการของการแข่งขันได้ในที่สุด
  2. เวียดนามให้ความสำคัญสูงสุดต่อการเข้าร่วมในระบบเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและระบบเศรษฐกิจของโลก การเป็นสมาชิกของอาเซียนจะนำไปสู่การมีส่วนร่วมในเขตการค้าเสรีอาเซียน และนำเวียดนามไปสู่ความคุ้นเคยกับแนวทางปฏิบัติในการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในระดับโลก อันจะมีผลดีและเป็นปัจจัยประการหนึ่งที่จะผลักดันเวียดนามให้ก้าวไปสู้การเป็นสมาชิกของ APEC และ WTO ได้ในที่สุด
  3. ในฐานะของสมาชิกอาเซียน เวียดนามหวังที่จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการค้าและการลงทุนกับประเทศอาเซียนทั้งหลาย ขณะเดียวกันในขณะที่การค้าภายในกลุ่มอาเซียนกำลังขยายตัว เวียดนามก็ได้ตระเตรียมและปรับทิศทางการส่งออกของตนที่จะไปสู่ตลาดอาเซียนนี้อย่างจริงจังมากขึ้น การนำเข้าของเวียดนามจากอาเซียนในขณะนี้เป็นครึ่งหนึ่งของการนำเข้าทั้งหมดของทั้งหมดของเวียดนาม และประมาณร้อยละ 30 ของการค้าทั้งหมดของเวียดนามที่มีกับอาเซียนนอกจากนี้ เวียดนามยังหวังว่าตนจะได้รับสิทธิพิเศษ GSP อย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป และเวียดนามยังจะเป็นจุดส่งออกที่สำคัญสำหรับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ
ในด้านการลงทุน ทั้งเวียดนามและประเทศในกลุ่มอาเซียนจะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากการที่ประเทศในกลุ่มอาเซียนเข้าไปลงทุนในเวียดนามโดยเวียดนามจะสามารถดูดซึมเทคนิค วิทยาการและเทคโนโลยีที่ผ่านมากับการลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรูปแบบของการร่วมทุน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาการผลิตของเวียดนาม และขณะเดียวกัน นับตั้งแต่เวียดนามเปิดประเทศและประกาศกฎหมายว่าด้วยการลงทุนต่างชาติ ประเทศสมาชิกอาเซียนต่างก็ให้ความสนใจลพยายามแสวงหาโอกาสเข้าไปลงทุนในเวียดนาม ทั้งนี้เพราะอาเซียนก็สนใจในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกันทั้งด้านการค้าและการลงทุน เนื่องจากเวียดนามเป็นตลาดใหญ่มีประชากรถึง 73 ล้านคน มีความสมบูรณ์ทางทรัพยาธรรมชาติ มีแรงงานที่มีศักยภาพและมีราคาถูก การมีเวียดนามเป็นสมาชิกเพิ่มขึ้นจะทำให้อาเซียนมีประชากรเพิ่มเป็น 420 ล้านคน และจะมีผลผลิตมวลรวมภายในถึง 500 พันล้าน ดอลลาร์สหรัฐ อันจะทำให้อาเซียนมีศักยภาพในการขยายตัวกางเศรษฐกิจได้มากขึ้นไปอีก
ในปัจจุบัน ประเทศที่ได้รับการอนุมัติด้วยมูลค่าลงทุนมากที่สุดได้แก่สิงคโปร์ ซึ่งมีโครงการการลงทุนที่ได้รับการอนุมัติจำนวนโครงการ ด้วยมูลค่า 5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ มูลค่าการลงทุนของประเทศสมาชิกอาเซียนในเวียดนามคิดได้เป็นร้อยละ 27.69 ของมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิ้นในเวียดนาม กล่าวคือในมูลค่า 8.14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากมูลค่าของการลงทุนต่างชาติทั้งสิน 29.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีโครงการทั้งสิ้น 337 โครงการ โดยมาเลเซียลงทุนเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์ ไทยลงทุนเป็นอันดับ 3 ประเภทของการลงทุนที่สมาชิกอาเซียนดำเนินการในเวียดนาม ได้แก่ อุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้างสำนักงาน ที่อยู่อาศัย การผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคและการแปรรูปอาหาร เวียดนามหวังว่าการลงทุนจากประเทศสมาชิกอาเซียนนี้จะมีส่วนช่วยถ่วงดุลการลงทุนจากเกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง และญี่ปุ่น
ในขณะเดียวกันในส่วนของอาเซียน เหตุผลประการหนึ่งที่ทำให้อาเซียนยินดีรับเวียดนามเข้าเป็นสมาชิกก็คือ การเข้ารวมกลุ่มอาเซียนของเวียดนามนั้นจะมีผลไปเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจอีกทั้งอำนาจในการต่อรองทางการเมืองทั้งหลายต่างก็มีผลประโยชน์ที่สอดคล้องกัน ทั้งทางการเมืองและทางเศรษฐกิจร่วมกันอันนำไปสู่การยอมรับในที่สุด
ประเทศอัฟกานิสถานจากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไบยังการนำทางไปยังการค้นหา
สาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน
جمهوری اسلامی افغانستان (แดรี)
د افغانستان اسلامي جمهوریت (พาชตู)

ธงชาติตราแผ่นดิน
คำขวัญ: 
"ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และมุฮัมมัดเป็นศาสนทูตของอัลลอฮ์"
เพลงชาติ: เพลงชาติอัฟกานิสถาน
MENU
0:00


เมืองหลวง
(และเมืองใหญ่สุด)คาบูล
34°30′N 69°10′E
ภาษาราชการภาษาพัชโตและภาษาดารี
การปกครองสาธารณรัฐอิสลาม
• ประธานาธิบดีอัชราฟ ฆานี
• ประธานฝ่ายบริหารอับดุลเลาะห์ อับดุลเลาะห์
ได้รับเอกราช
• จากสหราชอาณาจักร19 สิงหาคม พ.ศ. 2462 
พื้นที่
• รวม647,500 ตร.กม. (40)
250,001 ตร.ไมล์ 
ประชากร
• พ.ศ. 2560 (ประเมิน)34,656,032[1] (40)
• ความหนาแน่น49.88 คน/ตร.กม. (150)
111.8 คน/ตร.ไมล์
จีดีพี (อำนาจซื้อ)2560 (ประมาณ)
• รวม$ 69.510 พันล้าน 
• ต่อหัว$ 1,888 
จีดีพี (ราคาตลาด)2560 (ประมาณ)
• รวม$ 21.056 พันล้าน 
• ต่อหัว$ 572 
HDI (2559) 0.479 (ต่ำ) (169th)
สกุลเงินอัฟกานี (AFN)
เขตเวลา(UTC+4:30)
 • ฤดูร้อน (DST) (UTC+4:30)
โดเมนบนสุด.af
รหัสโทรศัพท์93อัฟกานิสถาน (อังกฤษ: Afghanistan; พัชโต: افغانستان‎) เป็นประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้ มีอาณาเขตทางทิศตะวันตกจรดประเทศอิหร่าน ทางทิศใต้และตะวันออกติดปากีสถาน ทางทิศเหนือติดเติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน และทาจิกิสถาน ส่วนทางทิศตะวันออกสุดติดประเทศจีน อัฟกานิสถานเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล
ระหว่างการล้มตอลิบานโดยการรุกรานอัฟกานิสถานของสหรัฐอเมริกา และความสำเร็จของโลยา จีร์กา ในปี พ.ศ. 2546 ชาวตะวันตกเรียกอัฟกานิสถานว่า Transitional Islamic State of Afghanistan อย่างไรก็ดี ภายใต้รัฐธรรมนูญของอัฟกานิสถานฉบับปัจจุบัน ประเทศนี้เรียกว่า สาธารณรัฐอิสลามอัฟกานิสถาน ในปัจจุบันเป็นหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก

เนื้อหา
  • 1ภูมิศาสตร์
  • 2ประวัติศาสตร์
  • 3การเมืองการปกครอง
    • 3.1การบริหารรัฐบาลกลาง
      • 3.1.1กระทรวง
    • 3.2การบริหารระดับจังหวัด
  • 4การแบ่งเขตการปกครอง
  • 5เศรษฐกิจ
    • 5.1เกษตรกรรม
    • 5.2ทรัพยากรธรรมชาติ
    • 5.3การท่องเที่ยว
  • 6โครงสร้างพื้นฐาน
    • 6.1การคมนาคม และ โทรคมนาคม
      • 6.1.1เส้นทางคมนาคม
      • 6.1.2โทรคมนาคม
    • 6.2การศึกษา
    • 6.3สาธารณสุข
  • 7ประชากรศาสตร์
    • 7.1เชื้อชาติ
    • 7.2ศาสนา
    • 7.3ภาษา
  • 8วัฒนธรรม
    • 8.1เทศกาล
    • 8.2สือสารมวลชน
    • 8.3กีฬา
    • 8.4วันหยุด
  • 9อ้างอิง
  • 10หนังสืออ่านเพิ่ม
  • 11แหล่งข้อมูลอื่น
ภูมิศาสตร์[แก้]ตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 33 องศาเหนือ และลองจิจูด 65 องศาตะวันออก มีพื้นที่ 647,500 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงในเขตเทือกเขาฮินดูกูซ จุดต่ำสุดอยู่ที่แม่น้ำอมู สูง 258 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลไม่มีทางออกทะเล
ประวัติศาสตร์[แก้]บทความหลัก:ประวัติศาสตร์อัฟกานิสถาน
  • พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1880) อังกฤษได้สถาปนาอับดุรเราะฮฺมาน เป็นอะมีร หลังจากที่ได้มีการรบราฆ่าฟัน ระหว่างเผ่าต่าง ๆ ในอัฟกานิสถานมาเป็นเวลานาน
  • พ.ศ. 2444 (ค.ศ. 1901) อับดุรเราะฮฺมาน เสียชีวิต บุตรชายชื่อ ฮะบีบุลลอหฺ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน
  • พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919) ฮะบีบุลลอหฺ ถูกสังหาร น้องชายชื่อ นัศรุลลอหฺ สถาปนาตนเองขึ้นเป็นอะมีร แต่ถูก อะมานุลลอหฺ บุตรชายของ ฮะบีบุลลอหฺ ขับไล่ แล้วขึ้นปกครองแทน
  • พ.ศ. 2472 (ค.ศ. 1929) ขบวนการพวกเคร่งศาสนา ก่อการปฏิวัติ อะมีร ฮะบีบุลลอฮฺ หลบหนีออกนอกประเทศ สงครามกลางเมืองเกิดขึ้น บาชา อี ซาเกา นายทหารของเผ่าตาจิก ได้นำพลทหารเข้ายึดกรุงคาบูล เป็นเวลาหลายเดือน ต่อมาญาติคนหนึ่งของ อะมีร ฮะบีบุลลอหฺ ปราบปรามจนถูกสังหาร แล้วญาติคนนั้นก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ มีนามว่า นาดีร ชาหฺ
  • พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) กษัตริย์ นาดีร ชาหฺ ถูกสังหาร บุตรชายชื่อ ซอหิร ชาหฺ ขึ้นเป็นกษัตริย์
  • พ.ศ. 2516 (ค.ศ. 1973) ดาวูด ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของกษัตริย์ ซอหิร ชาหฺ ก่อการปฏิวัติ กษัตริย์ ซอหิร ชาหฺ หนีไปลี้ภัยในอิตาลี ดาวูดสถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดี
  • พ.ศ. 2521 (ค.ศ. 1978) ดาวูด ถูกสังหาร หลังการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ นำโดย นูร มุฮัมมัด ฏอรอกี
  • พ.ศ. 2522 (ค.ศ. 1979) ฏอรอกี ถูกสังหาร และ ฮะฟีซุลลอหฺ อะมีน สถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดี
    • เดือนธันวาคม ฮะฟีซุลลอหฺ อะมีน ถูกสังหาร โดยกองทัพที่ถูกส่งเข้ามาจากสหภาพโซเวียต บาบรัก การ์มาล ขึ้นเป็นประธานาธิบดี
    • บาบรัก การ์มาล ถูกถอดออกจากตำแหน่ง และหนีไปสหภาพโซเวียต นะญีบุลลอหฺ ขึ้นเป็นประธานาธิบดี
  • พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) พวกมุจาหิดีนอิสลาม ประสบความสำเร็จในการปฏิวัติต่อต้านคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งรัฐบาลชั่วคราว โดยมี ซิบฆอตุลลอหฺ มุจัดดิดี เป็นประธานาธิบดี ต่อมา บุรฮานุดดีน ร่อบบบานี ขึ้นเป็นประธานาธิบดี สงครามกลางเมืองเกิดขึ้น
  • พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) กลุ่มตอลิบานยึดกรุงคาบูลได้
  • พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) พระพุทธรูปแห่งบามิยันถูกทำลาย กลุ่มตอลิบานถูกขับไล่ออกจากกรุงคาบูล โดยพันธมิตรฝ่ายเหนือที่สหรัฐสนับสนุน สหรัฐอเมริกาผลักดันให้นายฮามิด การฺซาย เป็นประธานาธิบดีชั่วคราว

คาบูล

องค์พระหลังถูกทำลายการเมืองการปกครอง[แก้]อัฟกานิสถานเคยมีระบอบการปกครองแบบรัฐสภา มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ จนกระทั่งปี 2516 พลโทซาดาร์ ข่าน (Sadar Khan) ได้ปฏิวัติยึดอำนาจ และเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐและสถาปนาตนเองขึ้นเป็นประธานาธิบดี แต่ผู้นำอัฟกานิสถานในยุคต่อมาเริ่มมีท่าทีใกล้ชิดสหรัฐฯ ทำให้สหภาพโซเวียตไม่พอใจและส่งกองกำลังเข้ายึดครองอัฟกานิสถานในปี 2522 เพื่อสถาปนาระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมขึ้นแทน
ระหว่างการยึดครองของสหภาพโซเวียต ปี 2522 - 2532 ได้เกิดขบวนการต่อต้านระบอบการปกครองแบบสังคมนิยมในนามกลุ่มมูจาฮีดีน ซึ่งได้โค่นล้มรัฐบาลที่เข้าข้างสหภาพโซเวียตได้สำเร็จในปี 2535 แต่กลับไม่สามารถร่วมกันปกครองประเทศได้ เพราะเกิดความแตกแยกและแย่งชิงอำนาจกัน ในที่สุดกลุ่มนักศึกษาหัวรุนแรงที่ได้รับการศึกษาจากปากีสถานได้รวมตัวกันจัดตั้งกองกำลังตอลิบานขึ้น และมีความเข้มแข็งจนสามารถยึดกรุงคาบูลได้ในปี 2539 ตั้งรัฐบาลตอลิบานขึ้นปกครองประเทศโดยครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งหมดอยู่จนถึงปี 2544
หลังเหตุการณ์ 911 ในปี 2544 สหรัฐฯ ได้ส่งกองกำลังเข้าโจมตีอัฟกานิสถานเพื่อโค่นล้มรัฐบาลตอลิบาน และมุ่งที่จะจับนายอุซามะห์ บิน ลาดิน (Osama Binladen) ซึ่งสหรัฐฯ สามารถโค่นล้มรัฐบาลตอลิบานได้สำเร็จในปลายปี 2544 และสหรัฐฯ สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวในอัฟกานิสถาน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบการเมืองการปกครองในอัฟกานิสถานมาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน
ตามรัฐธรรมนูญของอัฟกานิสถาน กำหนดให้ประธานาธิบดีเป็นประมุขและผู้นำในการบริหารประเทศ มีการกระจายอำนาจการปกครองออกเป็นจังหวัด แบ่งออกเป็น 34 จังหวัด (Province) อย่างไรก็ตาม ในแง่การบริหารจัดการระบบการปกครองภายในประเทศยังไม่ดีนัก เนื่องจากเพิ่งฟื้นตัวจากสงคราม และอำนาจของรัฐบาลกลางยังครอบคลุมไม่ทั่วถึงพื้นที่ห่างไกล
การบริหารรัฐบาลกลาง[แก้]ฝ่ายนิติบัญญัติมีรัฐสภา (National Assembly) ซึ่งประกอบด้วย 2 สภา ได้แก่ 1) สภาผู้แทนราษฎร (House of People หรือ Wolesi Jirga) ประกอบด้วยสมาชิกไม่เกิน 249 คน ได้รับการเลือกตั้งโดยตรง ดำรงตำแหน่งวาระ 5 ปี และ 2) สภาอาวุโส (House of Elders หรือ Meshrano Jirga) มีสมาชิก 102 คน ซึ่งแบ่งการสรรหาออกเป็น 3 วิธี ในจำนวนที่เท่า ๆ กัน โดยสมาชิก 34 คนได้รับเลือกจากคณะบริหารระดับจังหวัด (Provincial Council) ดำรงตำแหน่งวาระ 4 ปี สมาชิกอีก 34 คน ได้รับเลือกจากคณะบริหารระดับท้องถิ่น (Local District Council) ดำรงตำแหน่งวาระ 3 ปี และสมาชิกอีก 34 คน ได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดี ดำรงตำแหน่งวาระ 5 ปี
นอกจากนี้ อาจมีการประชุมใหญ่ของผู้แทนทุกภาคส่วนที่เรียกว่า Loya Jirga ซึ่งประกอบด้วยสมาชิกรัฐสภาทั้งหมดจากทั้งสองสภา ร่วมกับคณะกรรมการบริหารระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นทั้งหมด โดยที่ประชุมใหญ่นี้จะจัดขึ้นเฉพาะกรณีที่ต้องพิจารณาประเด็นระดับชาติเท่านั้น คือ ประเด็นที่เกี่ยวกับเอกราช อธิปไตยของชาติ และเกี่ยวกับดินแดน รวมถึงการฟ้องร้องประธานาธิบดี
ฝ่ายบริหารประธานาธิบดีเป็นทั้งประมุขและหัวหน้าฝ่ายบริหาร มีรองประธานาธิบดี 2 คน ซึ่งทั้งหมดดำรงตำแหน่งโดยการรับเลือกตั้งจากประชาชน มีวาระ 5 ปี และประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นาย Hamid Karzai ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญให้อำนาจประธานาธิบดีแต่งตั้งรัฐมนตรีร่วมบริหารประเทศ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา และรัฐมนตรีมีจำนวนทั้งสิ้น 25 คน
กระทรวง[แก้]
ลำดับที่ชื่อกระทรวงภาษาไทยชื่อกระทรวงภาษาอังกฤษ
1กระทรวงเกษตร ชลประทานและปศุสัตว์Ministry of Agriculture, Irrigation and Livestock
2กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมMinistry of Commerce and Industries
3กระทรวงการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศMinistry of Communications and Information Technology
4กระทรวงปราบปรามยาเสพติดMinistry of Counter Narcotics
5กระทรวงกลาโหมMinistry of Defense
6กระทรวงเศรษฐกิจMinistry of Economy
7กระทรวงศึกษาธิการMinistry of Education
8กระทรวงพลังงานและน้ำMinistry of Energy and Water
9กระทรวงการคลังMinistry of Finance
10กระทรวงการต่างประเทศMinistry of Foreign Affairs
11กระทรวงพรมแดน ประชาชาติและชนเผ่าMinistry of Frontiers, Nations and Tribal Affairs
12กระทรวงฮัจญ์และการศาสนาMinistry of Hajj and Religious Affairs
13กระทรวงการอุดมศึกษาMinistry of Higher Education
14กระทรวงข้อมูลและวัฒนธรรมMinistry of Information and Culture
15กระทรวงกิจการภายในMinistry of Interior Affairs
16กระทรวงยุติธรรมMinistry of Justice
17กระทรวงแรงงาน ผู้ด้อยโอกาส ผู้พิการและกิจการสังคมMinistry of Labor, Martyrs, Disabled, & Social Affairs
18กระทรวงเหมืองแร่และปิโตรเลียมMinistry of Mines & Petroleum
19กระทรวงสาธารณสุขMinistry of Public Health
20กระทรวงแรงงานสาธารณะMinistry of Public Works
21กระทรวงผู้ลี้ภัยและการส่งตัวกลับMinistry of Refugees & Repatriation
22กระทรวงการฟื้นฟูและพัฒนาชนบทMinistry of Rural Rehabilitation and Development
23กระทรวงคมนาคมและการบินพลเรือนMinistry of Transport and Civil Aviation
24กระทรวงการพัฒนาในเมืองและการเคหะMinistry of Urban Development & Housing
25กระทรวงกิจการสตรีMinistry of Women's Affairs
26สำนักงานอัยการสูงสุดAttorney General's Office
ฝ่ายตุลาการตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่กำหนดให้อัฟกานิสถานมีศาลฎีกา (Supreme Court) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Stera Mahkama มีผู้พิพากษาจำนวน 9 คน แต่งตั้งโดยประธานาธิบดีและต้องให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบ ดำรงตำแหน่งวาระ 10 ปี รองลงมามีศาลสูง (High Court) และศาลอุทธรณ์ (Appeals Court) ด้วย
การบริหารระดับจังหวัด[แก้]แม้รัฐธรรมนูญจะกำหนดหน่วยงานระดับจังหวัดและท้องถิ่น คือ คณะบริหารระดับจังหวัด (Provincial Council) และคณะบริหารระดับท้องถิ่น (Local District Council) แล้ว แต่ดังที่กล่าวข้างต้นว่า ระบบการบริหารการปกครองของอัฟกานิสถานยังจัดการได้ไม่ดีนัก เนื่องจากเป็นระบบที่วางขึ้นใหม่ และอำนาจของรัฐบาลกลางยังอ่อนแอ ความเชื่อมโยงของการบริหารอำนาจระหว่างท้องถิ่นกับส่วนกลางจึงยังขาดความชัดเจน
การแบ่งเขตการปกครอง[แก้]ประเทศอัฟกานิสถานแบ่งออกเป็น 34 จังหวัด หรือเรียกเป็นภาษาท้องถิ่นว่า เวลายัต (welayat) ได้แก่
  • 1 บาดัคชาน
  • 2 บาดกิส
  • 3 บักลาน
  • 4 บัลข์
  • 5 บามียัน
  • 6 ไดกอนดี
  • 7 ฟาราห์
  • 8 ฟาร์ยาบ
  • 9 กัซนี
  • 10 กาวร์
  • 11 เฮลมันด์
  • 12 เฮราต
  • 13 เจาซ์จัน
  • 14 คาบูล
  • 15 กันดะฮาร์
  • 16 กาปิซา
  • 17 คอสต์
  • 18 โกนาร์
  • 19 กอนดอซ
  • 20 ลักมาน
  • 21 เลาการ์
  • 22 นันการ์ฮาร์
  • 23 นิมรุซ
  • 24 นูเรสถาน
  • 25 โอรุซกัน
  • 26 ปักเตีย
  • 27 ปักติกา
  • 28 ปันจ์ชีร์
  • 29 ปาร์วัน
  • 30 ซามันกัน
  • 31 ซารีโปล
  • 32 ตาคาร์
  • 33 วาร์ดัก
  • 34 ซาโบล

แผนที่ประเทศอัฟกานิสถานแสดงจังหวัดเศรษฐกิจ[แก้]ประเทศอัฟกานิสถาน นอกจากถูกจัดให้เป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียแล้ว ยังครองอันดับ 1 ประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกอีกด้วย[ต้องการอ้างอิง]
นักวิเคราะห์ชี้ว่า สาเหตุที่ประเทศอัฟกานิสถานมีฐานะยากจนมากที่สุดมีปัจจัยหลายสาเหตุด้วยกัน อาทิ ประชากร​ในอัฟกานิสถานว่างงานกว่า 35%, กว่า 36% มี​ความ​เป็นอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานของ​โลก, 2 ​ใน 3 ของประชากรมีชีวิตอยู่ด้วยราย​ได้ที่น้อยกว่าวันละ 2 ดอลล่าสหรัฐ, เป็นประ​เทศที่อยู่​ในภาวะสงคราม และราย​ได้หลักประมาณ 1 ​ใน 3 ของประ​เทศมาจาก​การลักลอบค้ายา​เสพติด ​เช่น กัญชา ฝิ่น ​เป็นต้น[ต้องการอ้างอิง]
เกษตรกรรม[แก้]ส่วนใหญ่เป็นแบบยังชีพและเลี้ยงสัตว์เร่ร่อน พืชสำคัญที่ปลูกคือข้าวสาลี ฝ้าย และมีชื่อเสียงในการผลิตฝิ่นเพื่อผลิตยาเสพติด
ทรัพยากรธรรมชาติ[แก้]มีก๊าซธรรมชาติพบที่เมืองชีเบอร์กานใกล้พรมแดนประเทศเติร์กเมนิสถาน แหล่งผลิตก๊าซที่สำคัญของประเทศคือ ควาเจะห์ ราวัช และยาติม ตัก นอกจากนี้มีแหล่งน้ำมันที่ยังไม่ได้ขุดขึ้นมาใช้ และแหล่งถ่านหินในจังหวัดบากลานและจังหวัดบาลัก แร่ธาตุที่สำคัญ พบแร่เหล็กที่หัจญีกัต ใกล้กรุงคาบูล แร่ทองแดงพบที่อายนัก แร่ยูเรเนียมพบที่ ควาเจะห์ ราวัช อัญมณีในจังหวัดบาดักชาน และแร่อื่น ๆ อีกมาก
การท่องเที่ยว[แก้]ดูบทความหลักที่: การท่องเที่ยวในอัฟกานิสถาน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้โครงสร้างพื้นฐาน[แก้]การคมนาคม และ โทรคมนาคม[แก้]เส้นทางคมนาคม[แก้]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้
โทรคมนาคม[แก้]
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้การศึกษา[แก้]ดูบทความหลักที่: การศึกษาในประเทศอัฟกานิสถาน
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้สาธารณสุข[แก้]ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้ประชากรศาสตร์[แก้]เชื้อชาติ[แก้]เชื้อชาติ: ปุชตู 42% ทาจิก 27% ฮาซารา 9% อุซเบก 9% เติร์กเมน 3% บาลอช 2% อื่น ๆ เช่น ปาไช นูริสตานี บราหุ่ย และคิซิลเบช 4%
การอ่านออกเขียนได้: ตั้งแต่อายุ 15 ปี ร้อยละ 36 (เป็นชาย 51% หญิง 21%)
GDP : 800 ดอลลาร์สหรัฐ/คน/ปี (ปี 2548)


 
  • ด
  • ค
  • ก

เมืองใหญ่ที่สุดในอัฟกานิสถาน
2010-11 estimate[2]
ที่เมืองจังหวัดประชากร

คาบูล

คันดาฮาร์1คาบูลจังหวัดคาบูล3,071,400
เฮราต

มาซาร์-ไอ-ซาร์ริฟ
2คันดาฮาร์จังหวัดคันดาฮาร์512,000
3เฮราตจังหวัดเฮราต397,456
4มาซาร์-ไอ-ซาร์ริฟจังหวัดบอล์คห์375,000
5จาลาลาแบดจังหวัดนานการ์ฮาร์205,423
6ลัชคาร์การ์จังหวัดเฮลเมน201,546
7ทาโลควานจังหวัดทาคาร์196,400
8โคสท์จังหวัดโคสท์160,214
9เชเบอร์กันจังหวัดโจวซ์จาน148,329
10กาซนิจังหวัดกาซนิ141,000ศาสนา[แก้]ดูบทความหลักที่: ศาสนาในประเทศอัฟกานิสถานในอดีตประเทศอัฟกานิสถานได้นับถือพระพุทธศาสนา พระเจ้าเมนันเดอร์ ที่ 1 หรือ พระเจ้ามิลินท์และพระนาคเสน ก็เป็นประจักษ์พยานของการมีอยู่ของพระพุทธศาสนาในอดีต และมีหลักฐาน เช่น พระพุทธรูปบามิยัน ที่เมืองบามิยันซึ่งมีอายุมากกว่า 2,000 ปี แต่ต่อมาในยุคหลังได้ถูกพวกตาลีบันทำลายทิ้งทั้งหมด
ชาวอัฟกานิสถานในปัจจุบันส่วนมากนับถือศาสนาอิสลาม[(98%)] (สุหนี่83.2%) (ชีอะห์14.9%) [(ศาสนาโซโรอัสเตอร์1.4%)] [(ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู0.4%)] [(ศาสนาพุทธ0.3%)] [(ศาสนาคริสต์0.1%)]
สำหรับบทความหลักในหมวดหมู่นี้ ดู พุทธศาสนาในประเทศอัฟกานิสถานภาษา[แก้]อัฟกานิสถานเป็น ชนเชื้อสายอิหร่าน ที่พูดภาษากลุ่มอิหร่าน เช่น ภาษาพาซตู 35% ภาษาดารีเปอร์เซีย 56% ภาษากลุ่มเติร์ก (ส่วนใหญ่เป็นภาษาอุซเบก และภาษาเติร์กเมน) 11% และภาษาของชนเผ่าอีก 30 ภาษา รวมเป็น 4% ประชากรส่วนใหญ่พูดได้ 2 ภาษา
ดูรายชื่อภาษทั้งหมดได้ที่หมวดหมู่:ภาษาในประเทศอัฟกานิสถาน
วัฒนธรรม[แก้]ดูบทความหลักที่: วัฒนธรรมอัฟกานิสถานเทศกาล[แก้]แม้จะเป็นประเทศที่ยากจน แต่ชาวอัฟกันก็ยังคงเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญทางศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะเทศกาลรอมฏอน ซึ่งเป็นการสิ้นสุดของการถือศีลอดอันศักดิ์สิทธิ์ ประชาชนจะไปเยี่ยมเพื่อนหรือครอบครัวและรับประทานอาหารฉลองร่วมกัน ศิลปะแกรเต้นรำ attan ยังคงเฟื่องฟูในอัฟกานิสถาน
อาหารอัฟกานิสถาน
สือสารมวลชน[แก้]ดูบทความหลักที่: สือสารมวลชนในประเทศอัฟกานิสถานกีฬา[แก้]ดูบทความหลักที่: กีฬาในประเทศอัฟกานิสถาน, อัฟกานิสถานในโอลิมปิก และ อัฟกานิสถานในพาราลิมปิกวันหยุด[แก้]ดูบทความหลักที่: รายชื่อวันสำคัญอัฟกานิสถานอ้างอิง[แก้]คอมมอนส์ มีภาพและสื่ออื่นๆ เกี่ยวกับ:
ประเทศอัฟกานิสถาน
  1. ↑ "การประเมินประชากรโลก พ.ศ. 2560". ESA.UN.org (custom data acquired via website). United Nations Department of Economic and Social Affairs, Population Division. สืบค้นเมื่อ 10 กันยายน พ.ศ. 2560.
  2. ↑ "Table 2-2: Settled Population by Province-2010-2011" (PDF). Central Statistics Office. 2010–2011. สืบค้นเมื่อ April 4, 2012.
หนังสืออ่านเพิ่ม[แก้]หนังสือ
  • Banting, Erinn. (2003). Afghanistan the People. Crabtree Publishing Company. ISBN 978-0-7787-9336-6. Archived from [ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ Google Books the original] Check |url= value (help) on 12 January 2014.
  • Bleaney, C. H; Gallego, María Ángeles (2006). Afghanistan: a bibliography. BRILL. ISBN 978-90-04-14532-0. Archived from [ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ Google Books the original] Check |url= value (help) on 12 January 2014.
  • Clements, Frank (2003). Conflict in Afghanistan: a Historical Encyclopedia. ABC-CLIO. ISBN 978-1-85109-402-8. Archived from [ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ Google Books the original] Check |url= value (help) on 12 January 2014.
  • Fowler, Corinne (2007). Chasing Tales: Travel Writing, Journalism and the History of British Ideas About Afghanistan. Rodopi. ISBN 978-90-420-2262-1. Archived from [ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ Google Books the original] Check |url= value (help) on 12 January 2014.
  • Griffiths, John C (2001). Afghanistan: a History of Conflict. Carlton Books. ISBN 978-1-84222-597-4. Archived from [ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ Google Books the original] Check |url= value (help) on 12 January 2014.
  • Habibi, Abdul Hai (2003). Afghanistan: an Abridged History. Fenestra Books. ISBN 978-1-58736-169-2.
  • Hopkins, B.D. (2008). The Making of Modern Afghanistan. Palgrave Macmillan. ISBN 978-0-230-55421-4. Archived from [ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ Google Books the original] Check |url= value (help) on 12 January 2014.
  • Johnson, Robert (2011). [ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ Google Books The Afghan Way of War: How and Why They Fight] Check |url= value (help). Oxford University Press. ISBN 978-0-19-979856-8.
  • Levi, Peter (1972). The Light Garden of the Angel King: Journeys in Afghanistan. Collins. ISBN 978-0-00-211042-6. Archived from the original on 12 January 2014.
  • Malleson, George Bruce (2005). History of Afghanistan, from the Earliest Period to the Outbreak of the War of 1878 (Elibron Classic Replica ed.). Adamant Media Corporation. ISBN 978-1-4021-7278-6. Archived from the original on 2 January 2014.
  • Olson, Gillia M (2005). Afghanistan. Capstone Press. ISBN 978-0-7368-2685-3. Archived from the original on 12 January 2014.
  • Omrani, Bijan; Leeming, Matthew (2011). Afghanistan: A Companion and Guide(2nd ed.). Odyssey Publications. ISBN 978-962-217-816-8. Archived from the original on 12 January 2014.
  • Reddy, L.R. (2002). Inside Afghanistan: End of the Taliban Era?. APH Publishing. ISBN 978-81-7648-319-3.
  • Romano, Amy (2003). A Historical Atlas of Afghanistan. The Rosen Publishing Group. ISBN 978-0-8239-3863-6. Archived from the original on 12 January 2014.
  • Runion, Meredith L. (2007). The History of Afghanistan. Greenwood Publishing Group. ISBN 978-0-313-33798-7. Archived from the original on 12 January 2014.
บทความ
  • Meek, James. Worse than a Defeat. London Review of Books, Vol. 36, No. 24, December 2014, pages 3–10
ข้อตกลงในการใช้ บริการทำวีซ่า กับ NYC Visa&Translation Service ทางบริษัท NYC Visa&Translation Service ขอแจ้งข้อตกลงการใช้ บริการทำวีซ่า ของ NYC Visa&Translation Service กับลูกค้าทุกท่าน เพื่อให้การตกลงซื้อขายบริการใด ๆ จาก
บริษัทฯ เป็นไปโดยสมบูรณ์ กรุณาดำเนินการดังต่อไปนี้ 


  • เตรียมเอกสารประกอบการยื่นวีซ่า ให้ครบถ้วนตามที่พนักงานแจ้งให้ท่านทราบ 
  • ระยะเวลาการยื่นวีซ่า จะเริ่มนับจากทางบริษัทได้รับเอกสารจากลูกค้าครบถ้วน
  • หากมีการปลอมแปลงเอกสารใดๆ หรือ บิดเบือนข้อความในเอกสาร ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบทุกกรณี
  • หากลูกค้าไม่ผ่านพิจารณาวีซ่าจากสถานทูต ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบทุกกรณี เนื่องจากการพิจารณาเป็นดุลยพินิจของสถานทูตเป็นที่สิ้นสุด
  • โปรดตรวจสอบ อายุการใช้งานของหนังสือเดินทาง ( Passport) ของผู้โดยสาร และผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน ว่าจะต้องคงมีอายุเหลือ ณ วันเดินทาง มากกว่า 6 เดือน ขึ้นไป
  • กรณีที่ ท่านไม่ได้ทำการทักท้วงใด ๆ ในลักษณะลายลักษณ์อักษร บริษัทฯ ถือว่าท่านได้รับทราบเงื่อนไขและข้อกำหนดทั้งหมด ของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหากเกิดความเสียหายใดๆ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบทุกกรณี
  • หากท่านมีข้อสงสัยใดๆ กรุณาสอบถามพนักงาน " แผนกกรุ๊ปเหมา และ วีซ่า ที่ท่านติดต่อได้ตลอดเวลาทำการของบริษัทฯ 
  •  ระหว่างเวลา 09:00 - 18.00 น ในวันจันทร์ - ศุกร์  ได้ทางโทรศัพท์ 083-2494999
  •  การดำเนินการขอวีซ่า Visa บริษัทมีหน้าที่ดูแลเอกสาร และดำเนินการเกี่ยวกับยื่นเอกสารให้กับสถานทูตเพื่อพิจารณาวีซ่า Visa แต่ผลการพิจารณาวีซ่า Visa ขึ้นอยู่กับสถานทูตของแต่ละประเทศเท่านั้น
  •  กรณีลูกค้าที่ดำเนินการยื่นวีซ่า  Visa แล้ว แต่หากสถานทูตปฏิเสธวีซ่าลูกค้า (วีซ่าไม่ผ่าน) ลูกค้าจะต้องชำระค่าธรรมเนียมของสถานทูตเองในครั้งต่อไปเอง เนื่องจากการพิจารณาให้วีซ่านั้น เป็นดุลยพินิจของสถานทูต
  • กรณีลูกค้าชำระค่าธรรมเนียม และ ค่าบริการยื่นวีซ่า แล้ว จะไม่สามารถขอคืนเงินจากบริษัทไม่ว่ากรณีใด ๆ
​
รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, ​รับยื่นวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน , ให้คำปรึกษาวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน,  รับทำวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าทำงานประเทอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, ​รับยื่นวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับยื่นวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับทำวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับปรึกษาวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน , ให้คำปรึกษาวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, ให้คำปรึกษาวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, แนะนำวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับกรอกแบบฟอร์มวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าท่องเที่ยวประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าทำงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่านักเรียนประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าคู่มั่นประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าแต่งงานประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าถาวรประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าติดตามประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าธุรกิจประเทศอัฟกานิสถาน, รับจัดเตรียมเอกสารขอวีซ่าดูงานประเทศอัฟกานิสถาน​​, ​​ติดต่อขอใช้บริการ สาขาในกรุงเทพมหานคร แขวงขุมทอง แขวงจตุจักร แขวงจอมพล แขวงจันทรเกษม แขวงลาดยาว แขวงเสนานิคม เขตจอมทอง แขวงจอมทอง แขวงบางขุนเทียน แขวงบางค้อ แขวงบางมด เขตดอนเมือง แขวงสีกัน เขตดินแดง แขวงดินแดง เขตดุสิต แขวงดุสิต แขวงถนนนครไชยศรี แขวงวชิรพยาบาล แขวงสวนจิตรลดา แขวงสี่แยกมหานาค เขตตลิ่งชัน แขวงคลองชักพระ แขวงฉิมพลี แขวงตลิ่งชัน แขวงบางเชือกหนัง แขวงบางพรม แขวงบางระมาด แขวงทวีวัฒนา แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทุ่งครุ แขวงทุ่งครุ แขวงบางมด เขตธนบุรี แขวงดาวคะนอง แขวงตลาดพลู แขวงบางยี่เรือ แขวงบุคคโล แขวงวัดกัลยาณ์บูรณะ แขวงบางปะกอก แขวงราษฎร์บูรณะ เขตลาดกระบังแขวงยานนาวา เขตสายไหม แขวงคลองถนน แขวงสายไหม แขวงออเงิน เขตหนองแขม แขวงหนองแขม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองจอก แขวงกระทุ่มราย แขวงคลองสิบ แขวงคลองสิบสอง แขวงคู้ฝั่งเหนือ แขวงโคกแฝด แขวงลำต้อยติ่ง แขวงลำผักชี แขวงหนองจอก เขตหลักสี่ แขวงตลาดบางเขน แขวงทุ่งสองห้อง เขตห้วยขวาง แขวงบางกะปิ แขวงสามเสนนอก แขวงสำเหร่ แขวงหิรัญรูจี เขตบางเขน แขวงท่าแร้ง แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางแค แขวงบางแค แขวงบางแคเหนือ แขวงบางไผ่ แขวงหลักสอง เขตบางกอกใหญ่ แขวงวัดท่าพระ แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกน้อย แขวงบางขุนนนท์ แขวงบางขุนศรี แขวงบ้านช่างหล่อ แขวงศิริราช แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกะปิ แขวงคลองจั่น แขวงหัวหมาก เขตบางขุนเทียน แขวงท่าข้าม แขวงแสมดำ เขตบางคอแหลม แขวงบางโคล่ แขวงบางคอแหลม แขวงวัดพระยาไกร เขตบางซื่อ แขวงบางซื่อ เขตบางนา แขวงบางนา เขตบางบอน แขวงบางบอน เขตบางพลัด แขวงบางบำหรุ แขวงบางพลัด แขวงบางยี่ขัน แขวงบางอ้อ เขตบางรัก แขวงบางรัก แขวงมหาพฤฒาราม แขวงสี่พระยา แขวงสีลม แขวงสุริยวงศ์ เขตบึงกุ่ม แขวงคลองกุ่ม เขตปทุมวัน แขวงปทุมวัน แขวงรองเมือง แขวงลุมพินี แขวงวังใหม่ เขตประเวศ แขวงดอกไม้ แขวงประเวศ แขวงหนองบอน เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แขวงคลองมหานาค แขวงบ้านบาตร แขวงป้อมปราบ แขวงวัดเทพศิรินทร์ แขวงวัดโสมนัส เขตพญาไท แขวงสามเสนใน เขตพระโขนง แขวงบางจาก เขตพระนคร แขวงชนะสงคราม แขวงตลาดยอดแขวงคลองสองต้นนุ่น แขวงคลองสามประเวศ แขวงทับยาว แขวงลาดกระบัง แขวงลำปลาทิว เขตลาดพร้าว แขวงจรเข้บัว แขวงลาดพร้าว เขตวังทองหลาง แขวงวังทองหลาง เขตวัฒนา แขวงคลองเตยเหนือ แขวงคลองตันเหนือ แขวงพระโขนงเหนือ เขตสวนหลวง แขวงสวนหลวง เขตสะพานสูง แขวงสะพานสูง เขตสัมพันธวงศ์ แขวงจักรวรรดิ แขวงตลาดน้อย แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสาทร แขวงทุ่งมหาเมฆ แขวงทุ่งวัดดอน แถว เขตคลองเตย แขวงคลองเตย แขวงคลองตัน แขวงพระโขนง เขตคลองสาน แขวงคลองต้นไทร แขวงคลองสาน แขวงบางลำพูล่าง แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสามวา แขวงทรายกองดิน แขวงทรายกองดินใต้ แขวงบางชัน แขวงสามวาตะวันตก แขวงสามวาตะวันออก  เขตคันนายาว แขวงคันนายาว เขตจตุจักร  แขวงบวรนิเวศ แขวงบางขุนพรหม แขวงบ้านพานถม แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงวังบูรพาภิรมย์ แขวงวัดราชบพิธ แขวงวัดสามพระยา แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ แขวงสำราญราษฎร์ แขวงเสาชิงช้า เขตภาษีเจริญ แขวงคลองขวาง แขวงคูหาสวรรค์ แขวงบางจาก แขวงบางด้วน แขวงบางแวก แขวงบางหว้า แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตมีนบุรี แขวงมีนบุรี แขวงแสนแสบ เขตยานนาวา แขวงช่องนนทรี แขวงบางโพงพาง เขตราชเทวี แขวงถนนเพชรบุรี แขวงถนนพญาไท แขวงทุ่งพญาไท แขวงมักกะสัน เขตราษฎร์ แขวงห้วยขวาง สาขาในจังหวัดอ่างทอง โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดนครราชสีมา โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดบึงกาฬ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดบุรีรัมย์ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168,สาขาในจังหวัดพัทลุง โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดภูเก็ต โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดระนอง โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสตูล โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสงขลา โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดฉะเชิงเทรา โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดชลบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดตราด โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดปราอัฟกานิสถานบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดระยอง โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสระแก้ว โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดกาญจนบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดอุบลราชธานี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดอำนาจเจริญ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดกำแพงเพชร โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดอุทัยธานี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168,สาขาในจังหวัดสมุทรสาคร โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสิงห์บุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสกลนคร โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสุรินทร์ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดศรีสะเกษ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดหนองคาย โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดนครนายก โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดนครปฐม โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดนครสวรรค์ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดเชียงราย โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดเชียงใหม่ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดน่าน โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดพะเยา โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดลำปาง โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดลำพูน โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดอุตรดิตถ์ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดกาฬสินธุ์ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดขอนแก่น โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดตาก โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168,สาขาในจังหวัดมหาสารคาม โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดแพร่ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168,  สาขาในจังหวัดสมุทรสงคราม โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดยะลา โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดนนทบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดปทุมธานี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดพิจิตร โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดชุมพร โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดตรัง โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดนครศรีธรรมราช โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดนราธิวาส โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดปัตตานี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดพังงา โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168,สาขาในจังหวัดร้อยเอ็ด โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดเลย โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดนครพนม โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดชัยนาท โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดพิษณุโลก โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดเพชรบูรณ์ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดลพบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสมุทรปราการ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168,สาขาในจังหวัดหนองบัวลำภู โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดอุดรธานี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดมุกดาหาร โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดยโสธร โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดชัยภูมิ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168,  สาขาในจังหวัดจันทบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168,สาขาในจังหวัดสุโขทัย โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสุพรรณบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดสระบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดเพชรบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดราชบุรี โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, สาขาในจังหวัดกระบี่ โทร.083-2494999 Line ID : @NYC168, 
 
 
 
 
 

OUR CLIENTS

    Enquire about Visa and Translation services.

    Upload here

    Max file size: 100MB
    Max file size: 100MB
    Max file size: 100MB
    Max file size: 100MB
    Max file size: 100MB
    Max file size: 100MB
Submit

SERVICES

  • บริการแปลเอกสารทุกภาษา 300 ภาษา
  • บริการรับรองเอกสารกงสุล
  • บริการรับรองกระทรวงต่างประเทศ
  • บริการทนาย Notary Public
  • บริการรับรองเอกสารโดยสถานทูติ
  • บริการแปลและรับรอง NAATI
  • บริการรับรองเอกสารโดย JP (Justic of the peach)
  • แนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ
  • บริการให้คำปรึกษารับยื่นวีซ่าทุกประเทศทั่วโลกทั้งที่มีสถานทูตในไทย และไม่มีสถานทูตในไทย
  • บริการทำวีซ่าสำหรับชาวต่างชาติ Non-O, Non-B, Work Permit, Visa Extension
  • บริการขอใบตรวจสอบประวัติอาชญากรรม Police clearance certificate, The criminal Records Check (CID)
  • บริการเตรียมเอกสารจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ
  • บริการขอบัตร APEC Card
  • บริการจัดหา Tourist Voucher
  • บริการดูแลประกันการเดินทาง
  • บริการจองและจำหนายตั๋วเครื่องบิน
  • บริการของ LOI (Letter of invitation)
  • จำหน่ายประกันการเดินทางไปต่างประเทศบริษัทไทยวิวัฒน์

​ABOUT US

  • Blog
  • Privacy Policy
  • Refund Policy
  • ​Terms and Conditions

​GET IN TOUCH

Buy now with PayPal
Buy now with PayPal

Talk to us now

NYC Visa Service Co., Ltd.
ติดต่อแผนกวีซ่า

Hotline : 086-4549122
Email : contact@nycvisa.org

Picture
เพิ่มเพื่อน

NYC Translation Co., Ltd.
ติดต่อแผนกแปลและรับรองเอกสาร

Hotline : 081-5620444
Email : contact@nyclanguageinstitute.com

Picture
เพิ่มเพื่อน
NYC School
สถาบันสอนภาษาเอ็นวายซี
Hotline : 064-8618686

Email : nycschool@outlook.co.th
Picture
เพิ่มเพื่อน